สนธิญา ไม่หวั่นซ้ำรอยพี่ศรี ยันเป็นนักการเมือง ไม่ใช่นักร้องอาชีพ ไม่เรียกรับสินบน โวมีเป็น 100 ล.พร้อมลงเลือกตั้ง

สนธิญา ไม่หวั่นซ้ำรอยพี่ศรี ยันเป็นนักการเมือง ไม่ใช่นักร้องอาชีพ ไม่มีพฤติกรรมเรียกรับสินบน โว มีสมบัติทั้งพ่อแม่ยกให้-ธุรกิจส่วนตัวนับ 100 ล้าน ลั่น พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งหากมีเลือกตั้งซ่อม

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 มกราคม ที่รัฐสภา นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ถูกดำเนินคดีข้อหารีดไถเงินอธิบดีกรมการข้าว นายสนธิญากังวลหรือไม่ว่าจะถูกดำเนินการแบบนายศรีสุวรรณ ว่า ตนเคยออกรายการกับนายศรีสุวรรณ ตนไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายศรีสุรรณ และจนถึงวันนี้ก็ไม่เคยคุยกับนายศรีสุวรรณแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งในรายการถามนายศรีสุวรรณว่าเป็นนักร้องอาชีพใช่หรือไม่ นายศรีวุรรณตอบว่า ใช่ แต่เมื่อถามตน ตนบอกว่าไม่ใช่ เพราะตนเป็นนักการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่เมื่อไม่ได้รับการเลือกตั้งตนก็ทำงานนอกรัฐสภา ฉะนั้น ในเรื่องของกระบวนการทำงานของตน ตนต้องไม่กระทำผิดกฎหมาย สิ่งที่ตนร้องมาหลายเรื่องที่ผ่านมา สิ่งที่ได้รับไม่ใช่เป็นเงิน แต่ได้รับเป็นการแจ้งความเกือบ 10 คดี แต่ตนได้รับควาเมตตาจากศาล ในกรณีหมิ่นประมาทและรอลงอาญาประมาณ 7 คดี

“ถามว่าผมเคยได้รับเงินหรือไม่ ที่ผ่านมาผมไม่เคยร้องส่วนราชการไม่ว่าอธิบดีหรือไม่อะไรก็ตาม เพราะผมเคยทำงานเป็นเลขานุการผู้อำนวยการองค์การสะพานปลา ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ผมเข้าใจว่าราชการถ้าโดนร้องเรียน สอบสวน หรือโดนอะไรก็ตามเขาจะมีชนักติดหลังเขาไปตลอด แต่ถ้าเรื่องหนึ่งเรื่องใดก็ตามที่ชัดเจนผมก็ร้อง แต่หากถามว่าตั้งแต่ผมทำงานการเมือง หรือร้องทุกข์กล่าวโทษกับหน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่ปี 2550 ถึงตอนนี้ผ่านมา 10 กว่าปี ผมไม่เคยร้องหน่วยงานราชการหรืออธิบดีแม้แต่คนเดียว” นายสนธิญากล่าว

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาคิดจะร้องนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ซึ่งอยู่ฝั่งรัฐบาลบ้างหรือไม่ นายสนธิญากล่าวว่า นายยศวริศ ไม่ได้อยู่ฝั่งรัฐบาล เขาอยู่ นปช. ซึ่งตนก็รู้จักนายยศวริศ แต่ไม่สนิท และไม่ใช่แนวทางเดียวกับตน เมื่อถามย้ำว่า จะมีการร้องนักการเมืองฝั่งพรรคลุงทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือไม่ นายสนธิญากล่าวว่า จะมีการร้องเรียนในหลายคนถ้ามีเอกสารชัดเจนตนก็ร้อง และไม่เฉพาะฝ่ายค้านเท่านั้น ตัวอย่างเช่น มีเรื่องอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คือการที่ ส.ส.ทำให้สภาล้มเมื่อปี 2562-2566 จำนวนกว่า 27 ครั้งนั้น ก็ร้องทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แม้กระทั่งรัฐมนตรีบางคนที่ไม่เข้าประชุมก็โดน ป.ป.ช.สอบอยู่ขณะนี้

Advertisement

เมื่อถามว่า นายสนธิญาระบุว่าไม่ใช่นักร้องมืออาชีพจึงอยากทราบว่า วันนี้ประกอบอาชีพหรือมีรายได้จากไหน นายสนธิญากล่าวว่า ตนมีสมบัติบางส่วนที่พ่อแม่ยกให้ทางภาคใต้ มีสวนปาล์ม และอื่นๆ เล็กน้อย และส่วนตัวตนทำธุรกิจเกี่ยวกับการรับต่อไม้ชะลอคลื่น ซึ่งตนมีทีมงานเป็นชาวประมง และ 6-7 ปีที่ผ่านมาถ้าไปดูในบัญชีตนมีเงินสะพัดอยู่ประมาณเกือบ 100 ล้านบาท และขณะนี้ก็ยังรับงานทั่วไปที่ตนสามารถทำได้ เพราะตนมีห้างหุ้นส่วนอยู่ในขณะนี้ 2 ห้างหุ้นส่วน แต่ตอนนี้หยุดชั่วคราว เพราะมีปัญหาเรื่องพรรคพวกที่ทำธุรกิจด้วยกันแล้วเบี้ยวเงินตนไปประมาณเกือบ 5 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังฟ้องร้องกันอยู่ที่ศาลล้มละลายและจะบังคับคดีเนื่องจากจะครบคดีในปี 2568

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่านายสนธิญาไม่เคยมีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียนใช่หรือไม่ นายสนธิญากล่าวว่า สิ่งที่ตนร้องอย่างพรรค้าวไกลตนจะไปเรียกรับผลประโยชน์จากเขาได้หรือไม่ หรือร้อง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ตนไปขอเงินจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้หรือไม่ หรือไปร้องบางหน่วยงาน ตนจะไปเรียกผลประโยชน์เขาได้อย่างไร แต่ที่ผ่านมาเป็นเรื่องประชาชนเดือดร้อนเรื่องที่ดิน ตนทำก็ไม่ได้เงิน บางคนมีปัญหาพ่อข่มขืนลูก ตนทำเรื่องนี้ก็ไม่ได้เงิน เพราะสิ่งที่ตนทำไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แต่ทำในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดเกี่ยวกับกฎหมาย

เมื่อถามถึงกรณีรูปคดีของนายศรีสุวรรณแล้ว เป็นเช่นไร นายสนธิญากล่าวว่า ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่การติดตามข่าว เรื่องนี้เหมือนการเจรจาขายที่ดิน เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ย.ปี 66 และตำรวจบอกว่าติดตามเรื่องนี้มา 4 เดือน ตนก็ยังแปลกใจว่าทั้ง 2 ฝ่าย คุยกันอย่างไร เพราะมีการจ่ายเงิน โทรศัพท์พูดคุยต่อรอง อยากถามว่าแต่ละฝ่ายเกรงกลัว หรือเคารกฎหมายหรือไม่ เพราะถ้าเป็นบุคคลทั่วไปที่มีสามัญสำนึก การพูดคุยต่อรองผ่านโทรศัพท์แบบนี้ กล้าทำหรือไม่ เพราะสมัยนี้สามารถอัดเสียงได้หมด ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไปกระทรวงไหน บ้านใครก็มีวงจรปิด ดังนั้น การกระทำไม่สามารถปิดสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แม้กระทั่งตัวตน ถ้าตนทำไม่ไดี ก็จะมีคนร้อง และแจ้งความอยู่ดี แต่สิ่งที่ตนถูกแจ้งความเป็นประเด็นกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องถูกฉ้อโกง ซึ่งตนก็พร้อมให้ตรวจสอบตลอดและพร้อมที่จะทำงานทางการเมืองต่อไป เพราะหากมีการเลือกตั้งซ่อมในบางเขต ตนก็พร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.อีกครั้ง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image