ยื่นหนังสือ กมธ.สธ.ประกาศชื่อที่ทำแท้งทั่วไทย ชี้ไม่สวนทางนโยบายเพิ่มประชากร ดีกว่าเกิดเยอะแล้วด้อยคุณภาพ

ทำทาง ยื่นหนังสือ กมธ.สธ.เปิดเผยชื่อสถานทำแท้งทั่วไทย ชี้ไม่สวนทางนโยบายเพิ่มประชากร ลั่นดีกว่าเกิดเยอะแล้วด้อยคุณภาพ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 7กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา กลุ่มทำทางนำโดย น.ส.สุพีชา เบาทิพย์ ผู้ประสานงานกลุ่มทำทาง ยื่นหนังสือถึง นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข เรื่องขอให้ตรวจสอบ ติดตามการดำเนินการ และข้อเสนอแนะต่อกระทรวงสาธารณสุข ในการเพิ่มจำนวนสถานบริการทำแท้งปลอดภัยที่รับงบประมาณสนับสนุนค่าบริการจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงประกาศรายชื่อสถานบริการทำแท้งปลอดภัยตลอดจนให้ข้อมูลสิทธิสุขภาพในการได้รับการสนับสนุนค่าบริหารทำแท้ง และข้อมูลเรื่องการทำแท้งที่ถูกต้องให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อบังคับใช้กฎหมายทำแท้งฉบับแก้ไขใหม่ให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง

น.ส.สุพีชา กล่าวว่า อยากฝากไปถึงนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ด้วย เพราะนพ.ชลน่าน ระบุว่า เรื่องทำแท้งต้องให้ลดลง เพราะต้องการเพิ่มประชากร จึงอยากขอชี้แจงว่า การทำแท้งไม่ได้สวนทางกับการเพิ่มประชากร แต่ปัญหาของประเทศไทยคือ เกิดน้อยด้อยคุณภาพ ซึ่งเราต้องการลดสิ่งที่เรียกว่าด้อยคุณภาพ แต่ไม่ได้บอกว่าการเกิดจากการท้องไม่พร้อมด้อยคุณภาพทุกกรณี แต่คือศักยภาพที่ทำให้การเกิดด้อยคุณภาพ ดังนั้นต้องเลือกว่าเมื่อไหร่ที่พร้อมจะมีบุตร ถึงแม้ว่าเกิดน้อย แต่ต้องให้มีคุณภาพ ดีกว่าเกิดเยอะแล้วด้อยคุณภาพ

น.ส.สุพีชากล่าวว่า ทั้งนี้ในมาตรา 305 (5) ของกฎหมายอาญาฉบับใหม่ มีการระบุว่าการปรึกษาทางเลือกซึ่งแปลว่าหญิงที่มีอายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์ แล้วต้องการทำแท้งก็ต้องผ่านการให้คำปรึกษานี้ ซึ่งการให้คำปรึกษาจะให้ 2 ทางเลือก คือถ้าต้องการทำแท้ง สามารถทำได้และปลอดภัย จะต้องทำอย่างไรบ้าง และถ้าต้องการท้องต่อก็ต้องบอกว่ามีอะไรสนับสนุนบ้าง รัฐมีอะไรสนับสนุนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สังคมสงเคราะห์ หรือท้องถิ่นมีอะไรสนับสนุนบ้าง ซึ่งตรงนี้ตนคิดว่าเป็นการเพิ่มคุณภาพของการเกิด และอาจะกระตุ้นทำให้การเกิดที่มีคุณภาพมากกขึ้นอย่างที่กระทรวงสาธารณสุขต้องการ

ADVERTISMENT

ด้านนพ.ทศพร กล่าวว่า กมธ.ฯให้ความสำคัญเรื่องนี้ แต่การทำแท้งต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยจำจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ ดังนั้นทางกมธ. จะเชิญกระทรวงสาธารสุข กรมอนามัย สปสช. และผู้ที่เกี่ยวข้องมาปรึกษาหารือ ถึงเรื่องดังกล่าวเพื่อที่จะพลักดันเรื่องนี้ส่งต่อให้เป็นนโยบายของรัฐบาล และของสธ. ที่ชัดเจนยิ่งเเห็นว่าจะทำอย่างไรให้สามารถเข้าถึงการยุติการการตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image