‘โฆษกรัฐบาล ยกตัวเลข ‘หมอมิ้ง’ ย้ำหากไม่มีมาตรการกระตุ้นเงินหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรม เศรษฐกิจไทยวิกฤตแน่
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงสภาพเศรษฐกิจไทย โดยระบุว่า แม้สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยจะยังไม่ได้อยู่ขั้นวิกฤต แต่คาดการณ์ได้ว่า หากไทยยังไม่ดำเนินนโยบายที่เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม อาจทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยเจอวิกฤตที่แท้จริง ซึ่งอยากให้คิดถึงประชาชนที่รายได้น้อย คนหาเช้ากินค่ำ ประชาชนเหล่านี้รู้ดีว่ากำลังประสบปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจ และแม้ว่ารัฐบาลดำเนินการแก้ปัญหาเต็มรูปแบบในทุกด้าน แต่เศรษฐกิจไทยก็ยังชะลอตัวขาดสภาพคล่อง
โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า วันนี้คนรายได้น้อยกำลังจะพบกับวิกฤตซ้ำวิกฤต ตัวเลขจีดีพีของไทยยังไม่ฟื้นกลับไปถึงตัวเลขก่อนโควิด ซึ่งตัวเลขของ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เห็นได้ชัดว่า เศรษฐกิจไทยโตช้าตั้งแต่ก่อนโควิด-19 โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจเฉลี่ยแล้ว 7.3% ในปี 1994-1996 (ตัดช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งออกไป) ปี 1999-2007 จีดีพีโตเฉลี่ย 5.2% และปี 2010-2019 จีดีพีโตเฉลี่ย 3.6% โดยตั้งแต่ปี 2014-2019 ก่อนโควิด-19 จีพีดีโตเฉลี่ยอยู่ที่ 3.0% และการฟื้นตัวของไทยฟื้นตัวช้าที่สุดในอาเซียน วันนี้ตัวเลขของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ที่ประเมินตัวเลขจีดีพีทั้งปีโตแค่ 1.8% จึงยังไม่ฟื้นมาเทียบเท่าช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งจีดีพีอยู่ที่ 2.2% ซึ่งแปลได้ว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว
นายชัยกล่าวต่อว่า ดังนั้นรัฐบาลเชื่อว่ามาตรการ Digital Wallet ยังจำเป็น การอัดฉีดเงินเข้าระบบจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยให้คนรายได้น้อยมีเงินจับจ่ายใช้สอย กระตุ้นเงินทั้งระบบ แก้ปัญหาไม่ให้เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์ได้ว่ากำลังจะเกิดขึ้น
“จากการประเมินทางด้านเศรษฐกิจ มาตรการดิจิทัลวอลเล็ตยังจำเป็น การฉีดกระตุ้นเงินเข้าในระบบให้เกิดสภาพคล่อง ยิ่งมีความจำเป็นมากขึ้นเมื่อธนาคารเข้มงวดเรื่องการปล่อยกู้มากขึ้น ทำให้ยอดปล่อยกู้ต่ำลง ทำให้ไทยขาดสภาพคล่องทั้งระบบ ขาดกำลังซื้อ มีวิกฤตเงินฝืด ซึ่งการคาดการณ์ที่เกิดขึ้นต้องแก้ไขอย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพ มิฉะนั้น ไทยอาจประสบปัญหาวิกฤตที่แท้จริง หากยังไม่ดำเนินการอะไร” นายชัยกล่าว