อภิสิทธิ์ ชี้ พรรคที่จะสู้ก้าวไกลได้ ต้องมีอุดมการณ์-ชุดความคิด มอง พท.มีโอกาส

อภิสิทธิ์ ชี้ พรรคที่จะสู้ก้าวไกลได้ ต้องมีอุดมการณ์-ชุดความคิด มอง พท.มีโอกาส แต่ต้องทำให้เห็นว่า ไร้ประโยชน์แอบแฝง 

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ The Politics ทางมติชนทีวี ถึงจุดยืนทางการเมืองพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่า เราต้องแยกแยะก่อนว่าคุณเชื่อในกระบวนการของประชาธิปไตยหรือไม่ ถ้าไม่เชื่อ คือ รัฐประหารก็ได้ ใช้อำนาจพิเศษก็ได้ อันนี้ไม่ต้องพูดถึง เราก็คิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตทางการเมืองแล้ว และในบรรดาพรรคการเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถ้าพูดด้วยความเป็นธรรมในขณะนี้ ตนมองว่ามีแต่พรรคก้าวไกลที่มีเป็นชุดความคิด โดยเฉพาะหลังจากที่เกิดปรากฏการณ์การจับมือข้ามขั้วในปี 2566 ที่ผ่านมา ก็กลายเป็นว่าพรรคการเมืองอื่นๆ เป็นเรื่องของการประนีประนอม ต่อรอง เลวร้ายสุดก็มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัว หรือการทุจริตคอร์รัปชั่น

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า แต่พรรคก้าวไกลมีชุดความคิด นำเสนอแนวทางที่ต้องการจะเห็นความเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ว่ารูปแบบของการเปลี่ยนแปลงนั้นมันตรงกับจริตของคนจำนวนหนึ่ง และไม่ตรงกับคนจำนวนหนึ่ง ประเด็นก็คือสังคมน่าจะต้องการทางเลือกที่จะมาแข่งขันกับทางเลือกนี้ ซึ่งตนไม่เห็นว่ามันจะต้องเป็นอนุรักษนิยม เป็นอะไรก็ได้ และตนก็มองว่าพรรคก้าวไกลก็ไม่ค่อยเสรีนิยมเท่าไหร่ มีลักษณะอำนาจนิยมอยู่ เพราะฉะนั้น มันก็มีทางเลือกที่จะถูกนำมาแข่งขันได้ และอย่างที่บอกความแข็งตัวของพรรคก้าวไกลที่ผ่านมามันก็เป็นช่องทางที่แม้กระทั่งพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ขณะนี้เป็นฝ่ายตั้งรับก็สามารถที่จะรุกได้ ในแง่ที่แสดงให้เห็นว่าการประนีประนอมทางการเมืองบางครั้งเป็นเรื่องจำเป็น แต่ต้องทำให้เห็นว่าทำแล้วเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ถ้าทำอันนี้ได้ ตนมองว่าพรรคเพื่อไทยก็มีโอกาสที่จะพลิกฟื้นขึ้นมาสู้ แต่ถ้ามันเป็นการประนีประนอมที่ถูกมองว่าเพื่อประโยชน์ที่ไม่ได้เกี่ยวกับประชาชนอันนี้จะลำบาก

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนจะมีช่องทางของพรรคการเมืองอื่นที่เราเรียกว่าเป็นพรรคคอนเซอร์เวทีฟที่แท้จริง แต่ยอมรับกระบวนการประชาธิปไตยทั้งหมดหรือไม่ ตนมองว่าต้องไปหาคนที่เริ่มต้น เพราะขณะนี้ปัญหาของพรรคการเมืองและนักการเมืองจำนวนมากคือไม่ได้คิดในเชิงอุดมการณ์ ส่วนหนึ่งนั้นไม่แปลก เพราะหลังจากสิ้นสุดสงครามเย็น พรรคการเมืองที่ถูกแบ่งซ้ายขวาก็มักจะถูกมองว่าไม่ใช่ เป็นเรื่องของการแข่งขัน การจัดการ ถูกมองว่าใครบริหารเศรษฐกิจเก่งกว่า ใครทำประโยชน์ตรงนั้นตรงนี้ได้มากกว่า ทุกคนก็ไปคิดรูปแบบนี้ แต่พอเวลามันผ่านไป 20-30 ปี สังคม เศรษฐกิจมันมีปัญหาเชิงโครงสร้าง เมื่อมีปัญหาเชิงโครงสร้างมันก็เกิดปรากฏการณ์แบบก้าวไกล คือถ้าอยากจะหลุดพ้นจากตรงนี้ มันต้องรื้อโครงสร้าง แต่พรรคการเมืองที่เหลือยังอยู่ในกรอบความคิดว่าเป็นเรื่องของการจัดการ

Advertisement

“เพราะฉะนั้น จะเห็นว่าตอนนี้พรรคการเมืองคิดว่าอยากจะได้คะแนนคนรุ่นใหม่ สุราก้าวหน้า โอเค สมรสเท่าเทียม โอเค แต่ไม่มีกรอบความคิด ชุดความคิดที่เป็นวิสัยทัศน์แบบเดียวกับที่ก้าวไกลเสนอความคิดขึ้นมาว่าโครงสร้างความคิดของเขานั้นอยู่บนพื้นฐานความคิดอะไร เพราะฉะนั้น ถ้าไปหาชุดความคิด ไปหากรอบตรงนี้มาแข่งขัน มันจึงจะเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าพรรคการเมืองยังคิดไม่พ้นเรื่องเฉพาะหน้า หรือคิดว่าไปหยิบนโยบายตรงนั้นมา เอาเรื่องนี้นะ แต่ฉันไม่เอาเรื่องที่มันดูรุนแรง มันไม่ใช่” นายอภิสิทธิ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image