สมาคมนักกม.สิทธิ ร่อนจ.ม. โวยตร.พิษณุโลก คุกคามปชช. ตั้งโต๊ะล่าชื่อ เสนอนิรโทษกรรม
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ได้ออกจดหมายเปิดผนึกจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เรื่อง ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยุติพฤติการณ์คุกคามประชาชนและการรณรงค์นิรโทษกรรมประชาชน ถึง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก, ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และประธานรัฐสภา
สืบเนื่องจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้เผยแพร่ข้อมูลการร้องเรียนจากประชาชนในจังหวัดพิษณุโลกว่าประชาชนรายหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ที่ได้ร่วมลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครตั้งโต๊ะให้ลงชื่อเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมประชาชนที่หน้าบ้านของตนเอง ร่วมกับเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน มาตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ 3 นาย ได้เดินทางไปยังบ้านของประชาชนรายดังกล่าวขณะที่ตนไม่อยู่บ้าน โดยได้เคาะประตูบ้าน พูดคุยและถ่ายรูปบุตรสาวของประชาชนรายดังกล่าวที่ยังเป็นเยาวชน จนสร้างความกังวลต่อเหตุการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ ประชาชนรายนี้ได้ทราบมาว่าทุกจุดที่เปิดตั้งโต๊ะลงชื่อในจังหวัดพิษณุโลกที่อยู่ในอำเภอเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้ไปติดตามถ่ายรูปด้วยเช่นกัน เพียงแต่ไม่ลงมาเคาะหน้าประตูเหมือนบ้านของตน
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) เป็นหนึ่งในองค์กรที่ร่วมรณรงค์กฎหมายฉบับนี้ ขอเรียนมายังท่านว่าการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อเสนอกฎหมายเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการลงชื่อเสนอกฎหมายถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนิติบัญญัติ เจ้าหน้าที่ของรัฐพึงเคารพการใช้สิทธิดังกล่าวและส่งเสริมสนับสนุน
การกระทำใดๆ ของเจ้าพนักงานตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านตามที่มีการร้องเรียนมายังศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน อาจเข้าข่ายเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายได้ และถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่จำกัด ปิดกั้นการใช้สิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ สนส.จึงขอให้ท่านดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและมีคำสั่ง่ให้ยุติการกระทำของเจ้าพนักงานตำรวจในสังกัดของท่านโดยทันที หากผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านมีพฤติการณ์ตามที่ประชาชนร้องเรียน
ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สนส.ขอให้ท่านสั่งการไปยังเจ้าพนักงานตำรวจทุกท้องที่ทั่วประเทศให้เคารพสิทธิของประชาชนในการรณรงค์เพื่อเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน และยุติพฤติกรรมใดๆ อันเข้าข่ายเป็นการคุกคามประชาชนที่ร่วมรณรงค์กฎหมายดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนรู้สึกได้ว่าตนเองและสังคมไทยยังคงอยู่ภายใต้รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย