ลุ้น!..คัดค้านฝากขังและประกันตัว “ตะวัน-สายน้ำ-แฟรงค์” ช่วงบ่าย ทนายความเตรียมใช้กองทุนราษฎรประสงค์ ประกันตัว “ตะวัน-แฟรงค์” หากศาลรับฝากขัง ระบุทั้งสองไม่ขอให้นักการเมืองมาเป็นหลักประกัน
วันนี้ (14 ก.พ.) นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยความคืบหน้าหลังพนักงานสอบสวนยื่นฝากขัง ตะวัน-แฟรงค์ ในคดีบีบแตรป่วนขบวนเสด็จและสายนํ้า ในคดีพ่นสีกําแพงวัดพระแก้วว่า เบื้องต้นทางตะวันและแฟรงค์ได้ยื่นคันค้านการที่ตํารวจจะนําตัวมาฝากขังต่อศาล แต่เนื่องจากมีกลไกลพิเศษที่ตํารวจสามารถคุมตัวผู้ต้องหาเอาไว้ได้ภายในระยะเวลา 48 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม หากศาลไม่รับฝากขัง ตะวันและแฟรงค์ ก็จะถูกปล่อยตัวทันที แต่หากศาลรับฝากขัง ทางทนายความก็จะเริ่มขั้นตอนในการยื่นขอประกันตัว
ขณะนี้อยู่ระหว่างรอคําสั่งศาลคาดจะทราบผลภายในเวลาประมาณ 14.00 น. ซึ่งเบื้องต้นพูดคุยกันว่าจะใช้เงินประกันจากกองทุนราษฎรประสงค์ และคงไม่รบกวนนักการเมืองมาเป็นหลักประกันให้ เพราะช่วงนี้ถูกจับจ้องประกอบกับนักกิจกรรมเยาวชนไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้กับนักการเมือง
โดยทนายกฤษฎางค์ ระบุว่า ทางพนักงานสอบสวนให้เหตุผลการคัดค้านการประกันตัวว่ากลุ่มผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลเกรงจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและก่อให้เกิดภัยอันตรายอื่นๆ ส่วนสาเหตุที่มายื่นฝากขังต่อศาลเพราะเกรงจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและหลบหนี แต่ความเป็นจริงพยานหลักฐานคงไม่มีอะไรแล้ว เพราะกรณีบีบแตรมีคลิปวิดีโอบันทึกไว้ชัดเจน จึงไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องรับฝากขัง
ส่วนประเด็นที่เจ้าหน้าที่ตํารวจแยกผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ไปคุมขังยังสถานีตํารวจที่ไม่ใช่พื้นที่เกิดเหตุนั้นถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพราะกฎหมายระบุว่า “เมื่อจับกุมแล้วจะต้องนําไปยังที่ทําการของพนักงานสอบสวนผู้มีอํานาจ“ ซึ่งเรื่องนี้ทางพนักงานสอบสวนบอกว่าเป็นคําสั่งของผู้ใหญ่ เกรงจะเกิดความวุ่นวาย แต่ความจริงแล้วคือ การตัดโอกาสที่ผู้ต้องหาจะได้พบญาติพี่น้องและทนายความ
ส่วน นายนภสินธุ์ หรือสายนํ้า เตรียมไต่สวนในช่วงบ่าย เนื่องจากหนังสือฝากขังยังมาไม่ถึงแต่ตัวผู้ต้องหาอยู่ศาลแล้ว ซึ่งอาจจะเกิดจากความล่าช้า หรืออะไรก็ตามต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ เพียงแต่ความล่าช้าทําให้ผู้ต้องหาต้องติดคุกติดตาราง