เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ลานประชาชน รัฐสภา เกียกาย กรุงเทพฯ เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน 23 องค์กร จัดกิจกรรม “ส่งรักให้ถึงสภา ถามหาความยุติธรรม เพื่อนิรโทษกรรมประชาชน” โดยจะมีการส่งมอบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน พร้อมรายชื่อสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว ให้กับประธานรัฐสภาและหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรค หลังร่วมรณรงค์เป็นเวลา 14 วัน
บรรยากาศเวลา 14.00 น. เครือข่ายนิโทษกรรมประชาชน ตั้งโต๊ะร่วมชื่อสนับสนุน พ.ร.บ.ดังกล่าว มีการตั้งเวทีขนาดใหญ่ จัดเตรียมเครื่องดนตรี ไฟ พร้อมป้ายข้อความขนาดใหญ่ ที่ระบุยอดร่วมลงชื่อสนับสนุน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน โดยขณะนี้มีจำนวน 28,844 รายชื่อ
ต่อมาเวลา 16.14 น. รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เดินเท้าจากอาคารรัฐสภา มาร่วมกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วย นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ ปูอัด ส.ส.กทม.พรรคไทยก้าวหน้า (ทกน.) อดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ร่วมลงพื้นที่พร้อมทีมงาน
ขณะเดียวกัน นายเอกชัย หงส์กังวาน ผู้ต้องหา ม.112 ที่ได้รับการปล่อยตัวล่าสุด เดินทางมาร่วมกิจกรรมด้วย และนายวรัญชัย โชคชนะอดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เดินทางมาพูดคุย และถ่ายภาพร่วมกับรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1
ในตอนหนึ่งของการเปิดงาน นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนต้องขอเรียนว่าพลังของภาคประชาชนในการเสนอฎหมาย ที่ผ่านมาเราอาจจะรู้สึกว่าทำเป็นสัญลักษณ์ หรือสร้างการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ตนอยากจะบอกว่า เมื่อกฎหมายของภาคประชาชนได้รับการรับรอง ประกบกับร่างของ ส.ส.วาระที่ 1 ก็จะทำให้มีตัวแทนจากภาคประชาชน เข้าไปประชุมในวาระที่ 2 ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สร้างการเปลี่ยนแปลง ดังเช่น พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม
“เมื่อมีประชาชนเข้าไปอยู่ในการประชุมวาระที่ 2 เกิดการถกเถียง ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียตัวจริงจากร่าง พ.ร.บ. ฉะนั้นมันไม่ใช่ ส.ส.ปิดห้องคุยกัน แล้วมารับฟังความคิดเห็นของประชาชนเป็นแค่ไม้ประดับ แต่ว่าเสียงของประชาชนนั้น ถูกเอาเข้าไปถกเถียงในชั้นกรรมการวิสามัญด้วย” นายปดิพัทธ์เผย
นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ตนอยากให้กำลังใจทุกคน ที่เสนอร่างกฎหมายเข้ามา ไม่ว่ามันจะโดนดองบ้าง หรือ ไม่ผ่านบ้าง สภาล้มไปบ้าง แต่เมื่อร่างของประชาชนผ่านเข้าไปได้ มันเหมือนกับพี่น้องประชาชนจะได้ออกกำลังกายใช้อำนาจอธิปไตย ในการตรากฎหมายด้วยตัวเอง
“อยากจะขอบคุณทุกท่านที่ลงทุน ลงแรงในการล่ารายชื่อ เราก็ก้าวหน้าขึ้น ผนวกกับเอาระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยยืนยันตัวตน ที่สามารถทำให้เรารวมรวมรายชื่อได้เร็วขึ้น และก็มีกฎหมายภาคประชาชนที่เข้ารายชื่อถึง 1 หมื่นรายชื่อ มีจำนวนมากขึ้น ซึ่งเป็นนัยยะสำคัญ จากที่เราปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ.เข้าชื่อ” นายปดิพัทธ์ระบุ
นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องของกรรมมาธิการเรื่องนิรโทษกรรม ที่รัฐสภาได้ตั้งขึ้นมาตอนนี้ ก็คงจะมีภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนในการแสดงความเห็นมากขึ้น และตนคิดว่าภาคประชาชนก็จะเข้าไปสู่กระบวนการถกเถียง ร่วมกับกรรมาธิการเช่นเดียวกัน
“วันนี้เราอยู่ตรงนี้ อาจจะไม่รู้ว่าในห้องงประชุมเดือดกันแค่ไหน วันนี้วันวาเลนไทน์ จะเป็นแบล็ควาเลนไทน์หรือเปล่า แถมเรายังเจอสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย จากยุครัฐบาลของคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา และผมอยากจะบอกว่าในห้องประชุมมีการใช้คำพูดอย่างเช่น หนักแผ่นดิน หรือ ล้มล้าง เราไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากผังล้มเจ้าที่อนุญาตให้ยิงคนกลางเมืองได้” นายปดิพัทธ์เผย
นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ตนก็ค่อนข้างเครียดเหมือนกันในวันนี้ แล้วก็อยากจะบอกนักเคลื่อนไหว และทุกท่านที่เคลื่อนไหวอยู่ว่า เราช่วยกันสร้างบทสนทนาที่สันติภาพให้ได้ ไม่ว่าเราจะขัดแย้งกันอย่างไร กลุ่มผู้มีอำนาจอาจจะยังฝันเห็น 16 ตุลา ว่ามันเกิดขึ้นจริงได้หรือเปล่าในประเทศนี้ ฉะนั้นเราช่วยกัน ผมสื่อสารถึงทุกฝ่ายด้วย ไม่ว่าเราจะเห็นต่างกัน แต่เราไม่ได้อยู่ในยุคที่ถือใบอนุญาตฆ่ากลางเมืองได้
“ผมอยากให้เราช่วยกันใช้พื้นที่ของลานประชาชนเรียกร้องสิ่งที่ท่านต้องการ ไม่ว่าท่านต้องการอะไร อยากจะสื่อการถึงกลุ่มอนุรักษ์นิยมด้วยว่า มาใช้ลานประชาชน เพื่อที่เราจะได้ฟังท่านมากขึ้นด้วย ทุกกลุ่มสามารถมาแสดงความคิดเห็น ในพื้นที่ของลานที่นี่ได้” นายปดิพัทธ์กล่าวทิ้งท้าย