กมธ.ดิจิทัลฯ เตรียมดัน พ.ร.บ.สตาร์ตอัพ เป็นวาระชาติ แก้ปัญหาแหล่งเงินทุน ดันไทยติดตลาดโลก

“ประธานกมธ.ดิจิทัลฯ” เตรียมดัน พ.ร.บ.สตาร์ตอัพไทย แก้ปัญหาเข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก หวังตอบโจทย์ธุรกิจใหม่ ดันไทยติดตลาดโลก

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ประชุมพิจารณาเรื่องความสามารถของประชาชนในการเข้าถึงกองทุนดิจิทัล เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนที่ต้องการริเริ่มทำธุรกิจขนาดเล็ก หรือสตาร์ตอัพ ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ กมธ.ได้เล็งเห็นความสำคัญของธุรกิจสตาร์ตอัพ ซึ่งเป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ในการตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาที่ถูกมองข้าม จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาธุรกิจสตาร์ตอัพร่วมกัน

นายแซม ตันสกุล อุปนายกสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน ได้ให้ข้อมูลกับ กมธ.ว่า สถานการณ์ของสตาร์ตอัพในไทยขณะนี้อยู่ในลำดับที่ 53 ของโลก และลำดับที่ 11 ของเอเชีย-แปซิฟิก การลงทุนเติบโตขึ้นเล็กน้อย แต่ยังขาดการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ ซึ่งรัฐบาลจะร่วมลงทุนกับเอกชน มีหลักสูตรขับเคลื่อนธุรกิจสตาร์ตอัพในแต่ละด้านชัดเจน แต่ผู้ประกอบการของไทยอยู่ในลักษณะลองผิดลองถูก ไม่มีผู้ให้คำแนะนำในการลงทุนทำธุรกิจ ทำให้ไทยขาดบุคลากรที่มีความชำนาญด้านนี้

Advertisement

นายยุทธนา ศรีสวัสดิ์ นายกสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาสตาร์ตอัพไทยเสียโอกาสในการแข่งขันมาก การขาดสภาพคล่องในเงินทุน การขาดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ตลาดไทยที่ขาดการยอมรับภายในโดยทั่วไป และกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ยังไม่ได้รับการปรับปรุง

น.ส.ธีรรัตน์กล่าวว่า จากการรับฟังรายงานพบว่า กฎเกณฑ์ที่ถูกกำหนดไว้ของกองทุนดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ประชาชนที่ต้องการรับการสนับสนุนเพื่อดำเนินธุรกิจสตาร์ตอัพไม่สามารถเข้าถึงกองทุนต่างๆ ได้ เช่น การขอเข้ารับทุนต้องเป็นประโยชน์เพื่อส่วนรวม ต้องไม่แสวงหาผลกำไร ต้องไม่ทำลายการแข่งขัน ด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการส่งเสริมธุรกิจสตาร์ตอัพ ไม่สามารถตอบโจทย์ รองรับธุรกิจรูปแบบใหม่นี้ได้ จึงอาจมีความจำเป็นที่ต้องมีกองทุนเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนนักธุรกิจสตาร์ตอัพโดยเฉพาะ ทาง กมธ.จึงเห็นสมควรเร่งให้มีกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สตาร์ตอัพแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบธุรกิจรูปแบบใหม่ มุ่งสร้างแบรนด์เมดอินไทยแลนด์ติดตลาดในเวทีโลกต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image