‘บิ๊กตู่’ไม่หนักใจดัชนีคอร์รัปชั่น พร้อมแก้จุดอ่อน ย้ำรัฐบาลมุ่งปราบทุจริต ขอทุกฝ่ายร่วมมือจริงจังตัดวงจรอุบาทว์ แนะผู้ไม่หวังดีหยุดสร้างกระแสโจมตี ทำลายประเทศให้บอบช้ำ
เมื่อวันที่ 28 มกราคม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติประกาศค่าดัชนีคอร์รัปชั่น ซีพีไอ ประจำปี 2559 โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับ 101 จากที่เมื่อปีที่แล้วอยู่ในอันดับที่ 76 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด และไม่หนักใจที่ผลออกมาเป็นเช่นนี้ เพราะแม้ดูเหมือนว่าอันดับจะเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่เมื่อพิจารณาคะแนนดิบจะพบว่า ไทยมี 35 คะแนน ลดลงจากปีที่แล้วที่ได้ 38 เพียง 3 คะแนน ประกอบกับจำนวนประเทศที่ถูกนำมาพิจารณามีมากขึ้นถึง 176 ประเทศ จากเดิมมีเพียง 168 ประเทศ และหลายประเทศมีคะแนนเท่ากัน ทำให้อันดับของไทยขยับลงไป นอกจากนี้ การคิดคะแนนนั้นได้นำข้อมูลมาจากแหล่งต่างๆ ถึง 13 แห่ง แต่เกี่ยวข้องกับไทยเพียง 7-8 แห่ง นอกนั้นไม่เกี่ยวข้อง แต่นำมาสรุปด้วย เช่น ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งแอฟริกา เป็นต้น
พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯไม่ละเลยที่จะพิจารณาถึงเรื่องที่เป็นจุดอ่อน เช่น ภาพลักษณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐในสายตาของนักธุรกิจเกี่ยวกับการจ่ายสินบนนำเข้า ส่งออก และการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งมีคะแนนลดลง โดยได้กำชับไปยังทุกหน่วยงานว่าจะต้องไปดูว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา และหาทางแก้ไขเพื่ออุดรูรั่วให้ได้อย่างเด็ดขาด รวมทั้งเน้นการสร้างความเข้าใจกับนักธุรกิจถึงมาตรการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล และรณรงค์ให้ทุกฝ่ายทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ภาคเอกชน และประชาชนลงมือแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างจริงจัง ไม่เพียงแต่คิดหรือพูด แต่ต้องไม่ยอมให้มีการรับสินบน ช่วยกันสอดส่องไม่ให้ใครกล้าโกง และไม่ปล่อยให้เป็นภาระของรัฐบาลหรือใครคนหนึ่งคนใด เพื่อตัดวงจรอุบาทว์ของปัญหา
“สำหรับผู้ที่ต้องการใช้เรื่องนี้สร้างกระแสโจมตี หรือลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล อยากให้ไตร่ตรองให้รอบคอบเพราะจะส่งผลเสียและสร้างความบอบช้ำต่อประเทศโดยรวม โดยยืนยันว่า 2 ปีกว่าที่ผ่านมา รัฐบาลทำงานอย่างหนักเพื่อต่อสู้กับปัญหา โดยสถานการณ์คอร์รัปชั่นเมื่อสิ้นสุดปี 2559 ซึ่งมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้สำรวจการรับรู้ของประชาชนในประเทศ พบว่า ดีขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 ปี ซึ่งสวนทางกับการประกาศขององค์กรต่างชาติ และเมื่อพิจารณาข้อมูลโดยละเอียดแล้วจะเห็นว่า ไทยมีทั้งคะแนนที่ดีขึ้นและลดลงในแต่ละตัวชี้วัด โดยตัวชี้วัดที่ดีขึ้น คือ ภาพลักษณ์เรื่องการติดสินบนและคอร์รัปชั่นที่ประเมินโดยไอเอ็มดี และภาพลักษณ์เรื่องการใช้ตำแหน่งหน้าที่ของรัฐหาประโยชน์ส่วนตัวของ World Justice Project Rule of law เป็นต้น” โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าว