คปท. ยื่นหนังสือ ‘ผบ.ทร.’ ปกป้องดินแดนไทย จากข้อพิพาทเส้นเขตแดนทางทะเลไทย-กัมพูชา

กลุ่ม คปท. ยื่นหนังสือ ‘ผบ.ทร.’ ให้ยึดมั่นในการปกป้องดินแดนไทย ข้อพิพาทการลากเส้นเขตแดนทางทะเลของประเทศกัมพูชา

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ นายสอและ กูมุดา ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นายใจเพชร กล้าจน และ นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนกองทัพธรรม และตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) จำนวนหนึ่งได้เดินทางมายื่นหนังสือ ให้กับผู้บัญชาการทหารเรือ เรื่องขอให้ยึดมั่นในการปกป้องดินแดนประเทศไทย โดยเอกสารดังกล่าวระบุถึงการลากเส้นเขตแดนทางทะเล (เส้นเขตไหล่ทวีป) ที่จัดทำโดยประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ที่ลากผ่านกึ่งกลางของเกาะกูด จ.ตราด ของประเทศไทย ทั้งที่ เกาะกูด จ.ตราด นั้น เป็นพื้นที่ของประเทศไทย โดยไม่มีข้อโต้แย้งอันใดตามสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ.1970 (พ.ศ.2450) ข้อ 2 ที่ระบุว่า “รัฐบาลฝรั่งเศสยอมยกดินแดนเมืองด่านซ้ายและเมืองตราด กับทั้งเกาะทั้งหลาย ซึ่งอยู่ภายใต้แหลมสิงลงไปจนถึงเกาะกูดนั้นให้ แก่กรุงสยาม ฯ”

การลากเส้นเขตแดนทางทะเลของประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ทำให้เกิดข้อพิพาทเรื่องดินแดนทั้งที่ ไม่ควรจะเกิดขึ้น ซึ่งมีผลต่อสิทธิ์ในทรัพยากรทางทะเล และดินแดนเกาะกูดที่สำคัญของประเทศไทย เพราะเส้นเขตแดนฝ่ายกัมพูชานั้น ลากรุกรานมายังดินแดนไทยที่มีเกาะกูดและแหล่งปิโตรเลียมที่สำคัญ รัฐบาลไทยภายใต้การบริหารงานของ นายทักษิณ ชินวัตร ในขณะนั้น ได้ไปจัดทำข้อตกลงร่วมใน MOU44 กำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมาทันที ทั้งที่รัฐบาลควรยืนยันเรื่องดินแดนของประเทศไทยอย่างหนักแน่นตามเอกสารสัญญาข้างต้น การไปจัดทำ MOU44 ก็เท่ากับเป็นการรับรองเส้นเขตแดนทางทะเลที่กัมพูชาจัดทำขึ้นเพียงฝ่ายเดียว เพราะใน MOU44 ระบุว่า การเจรจาเรื่องเขตแดนและการแบ่งผลประโยชน์ด้านพลังงานจะกระทำไปพร้อมๆ กันกรณีดังกล่าว ประชาชนชาวไทยมีความห่วงใยต่อสถานการณ์การจะสูญเสียดินแดนรวมทั้งแหล่งพลังงานที่สำคัญ ทั้งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นมาโดยตลอด และได้เฝ้าติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เมื่อปรากฎว่า สมเด็จฮุนเซน แห่งกัมพูชา ได้เดินทางมาเยี่ยมนักโทษทักษิณ ชินวัตร ที่ได้รับการพักโทษชั่วคราวถึงประเทศไทย และได้เชิญ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไปร่วมประชุมที่ประเทศกัมพูชาในเดือนมีนาคม 67 ที่จะถึงนี้ ทำให้เรามีความวิตกกังวลว่า จะมีการพูดคุยเรื่องการจัดการผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสอครอบครัว

Advertisement

โดยเอาผลประโยชน์ที่เป็นของประเทศไทยไปตกลงเจรจากันเป็นการส่วนตัว เพราะเนื่องจากจุดเริ่มต้นในการรับรองและจัดทำ MOU44 ก็มาจากรัฐบาลในยุคนายทักษิณ ชินวัตร เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และกองทัพธรรม ซึ่งเป็นองค์กรประชาชนไทยมีความห่วงใยต่อการเอาผลประโยชน์ของประเทศไทยที่ควรจะเป็นไปเจรจาแบ่งผลประโยชน์กันเฉพาะครอบครัว ทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนและผลประโยชน์ทางทะเลเพียงเพราะความโลภและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมือง

ในฐานะที่กองทัพเรือเป็นกองทัพทหารที่ต้องพิทักษ์ รักษาไว้ ซึ่งความมั่นคงของประเทศและการปกป้องดินแดนทางทะเล ปกป้องราชอาณาจักรไทยทุกตารางนิ้ว เราจึงขอส่งกำลังใจให้กองทัพเรือเพื่อร่วมกันกับประชาชนในการรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยทางทะเลให้คงอยู่กับประเทศไทย ไม่ยอมสูญเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียวเพียงเพื่อให้ใครคนใดคนหนึ่งเอาไปเจรจาด้านผลประโยชน์เฉพาะตน และเราขอให้กองทัพเรือได้แสดงจุดยืนที่มั่นคงในการปกป้องดินแดนไทยและผลประโยชน์ทางทะเลไทยทางด้านชายแดนไทยกัมพูชา โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นหลัก ด้วยศักดิ์ศรีชายชาติทหารเรือไทย

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image