รายงานพิเศษ : 2ปีที่ผ่านมา ฮีโรไซด์คิก กับชีวิตที่เปลี่ยนไป

หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์เมื่อ 2 ปีก่อน มีหนึ่งเหตุการณ์สูญเสียและเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของตำรวจคนหนึ่งและเพื่อนตำรวจอีกหลายคนจากภาคตะวันออก ที่ถูกสั่งให้มาควบคุมสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองตามหน้าที่ โดยเฉพาะกับ ร.ต.ท.ธีรเดช เล็กภู่ จากสถานีตำรวจภูธรแสนสุข จ.ชลบุรี ผู้ที่เตะระเบิดที่ถูกขว้างเข้ามา ออกจากวงล้อมตำรวจ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส

วันนั้นจึงเป็นวันสำคัญของตำรวจนายนี้ที่จะจดจำไปตลอดชีวิต เพราะสิ่งที่เขาทำนั้นได้รับการยกย่องจากคนไทยทั่วประเทศ ในวิญญาณของความเป็นผู้พิทักษ์ ที่ยอมสูญเสียร่างกายเพื่อปกป้องเพื่อนตำรวจ

จากความสูญเสียและเสียใจ เปลี่ยนมาเป็นการพยายามก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับกำลังใจจากคนรอบตัว และเพื่อนฝูง

ร.ต.ท.ธีรเดช เล็กภู่ กล่าวว่า ปัจจุบันได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองสารวัตรจราจร สภ.แสนสุข อาการบาดเจ็บล่าสุด ดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังคงมีอาการเจ็บปวดเล็กน้อยหากเคลื่อนไหวมาก หรือลงน้ำหนักที่เท้าเยอะ หากกินอะไรผิดสำแดงก็ยังมีน้ำเหลืองซึมออกมาอยู่ ซึ่งแพทย์ระบุว่าในส่วนกระดูกดีขึ้นแล้ว แต่กล้ามเนื้อยังต้องเข้ารับการรักษา คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1 ปีจึงจะเริ่มเป็นปกติ ทุกวันนี้ทุกสองเดือนก็ยังคงต้องไปพบแพทย์อยู่ ซึ่งในโอกาสครบรอบสองปีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง บริเวณสะพานผ่านฟ้า ร.ต.ท.ธีรเดชกล่าวถึงความรู้สึกว่า

Advertisement

“มันเร็วนะ มันเหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อวาน ที่ผ่านมาก็มีความรู้สึกทั้งเสียใจและดีใจปะปนกันไป เพราะครั้งหนึ่งเราก็เคยเกือบพิการ และได้เสียเพื่อนบางคนไป แต่ในด้านดีก็คือเราได้เพื่อนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก หลายคนไม่รู้จักกัน มีความตั้งใจมาหาเพราะรู้ข่าว ได้กำลังใจจากแฟน จากลูกๆ ถือเป็นกำลังใจที่ทำให้ผ่านจุดที่ท้อแท้มาได้ อีกอย่างคือได้ศึกษาธรรมะมาเยอะ ก็ทำให้เราสามารถปล่อยวางได้ อย่างตอนแรกหมอพูดเรื่องผ่าตัด ผมก็บอกให้หมอตัดขาเลย อีกสองวันเนื้อมันมีสีขึ้นมาก็เลยรอด ซึ่งถามว่าถ้าย้อนกลับไป จะเตะหรือไม่ ก็บอกว่าจะเตะ แต่จะรีบเตะให้เร็วกว่าเดิม” ร.ต.ท.ธีรเดชกล่าวอย่างอารมณ์ดีพร้อมระบุเพิ่มเติมว่า…

“อยากขอบคุณ ผบ.ตร.คนเก่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่พาซิโก้มาเยี่ยม ผู้บังคับบัญชาท่านให้ความสำคัญดี รวมถึงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และอาจารย์เอกชัย ไชยนุวัติ ที่มาเยี่ยมบ่อยมาก ก็ได้ท่านเหล่านี้แหละที่มาให้กำลังใจ ทำให้เราสู้ต่อไป”

ทางด้านความคืบหน้าของคดี ร.ต.ท.ธีรเดชระบุว่า “ไม่มีครับ ทำหนังสือทวงถามไปที่ สน.นางเลิ้ง ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ที่ดูแลจุดที่เกิดเหตุแล้ว เขาบอกว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ สอบสวนอยู่ ผู้บังคับบัญชาก็ทวงถามความคืบหน้าของคดีให้อยู่ ก็คาดหวังว่าจะจับให้ได้ อยากจะถามผู้ที่ก่อเหตุว่า ทำไมต้องทำกันอย่างนี้ด้วย อยากจะถามเขานะ เราคนไทยด้วยกันนะ จะเอากันถึงตายเลยหรือ แต่ตอนนี้ผมไม่โกรธเขานะ ผมอโหสิให้ แต่ผมก็อยากจะถามเขา คนไทยด้วยกัน ทำไมต้องใช้ความรุนแรงต่อกัน”

ส่วนบทเรียนสำคัญในโอกาสครบรอบ 2 ปีเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะมุมมองด้านการจัดการความขัดแย้ง

Advertisement

ร.ต.ท.ธีรเดชเห็นว่า การชุมนุมควรมีมาตรฐานแบบสังคมประชาธิปไตยสากล ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็น่าจะมีการสนับสนุนอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนที่ทันสมัยและมีปริมาณเพียงพอมากขึ้น รวมถึงหากเป็นไปได้ก็ควรเพิ่มการวิจัยอุปกรณ์เหล่านี้ให้พัฒนามากยิ่งขึ้น สำคัญสุดคือความขัดแย้งควรอยู่ในกรอบ และยึดหลักการเจรจา

“ต้องเจรจาเท่านั้นครับ การใช้แต่ความรุนแรงไม่เคยแก้ปัญหาอะไรได้ ทุกอย่างควรจบบนโต๊ะ การชุมนุมในช่วงหลายปีที่ผ่านมามันไม่สามารถการันตีได้ว่าทุกม็อบไร้อาวุธ ดังนั้นตำรวจเองก็ควรจะมีอุปกรณ์ในการป้องกันที่ทันสมัย รวมถึงในระยะยาวหากเป็นไปได้ก็ควรเพิ่มการวิจัยอุปกรณ์เหล่านี้ให้พัฒนามากยิ่งขึ้นด้วย” ร.ต.ท.ธีรเดชกล่าว

ขณะที่ ด.ต.นิทัศน์ เงินดี ผบ.หมู่งานจราจร สภ.แสนสุข เพื่อนร่วมงานของ ร.ต.ท.ธีรเดช หรือตำรวจเตะระเบิดมานาน และเป็นเพื่อน

ที่เข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯในปี 2557 แต่อยู่คนละจุด ตนกับ ร.ต.ท.ธีรเดชเป็นเพื่อนร่วมงานกันมานาน และเป็นตำรวจที่ออกตรวจด้วยกัน

ทุกคนรู้นิสัยของ ร.ต.ท.ธีรเดชดี ว่าเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือและมีน้ำใจกับเพื่อนๆ มาก

“ตำรวจทุกคนจะรู้ว่าคู่หูคือสิ่งสำคัญมากในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะทั้งสองคนจะต้องทำงานโดยไม่มีใครถอยก่อน บางครั้งเจอคนร้าย หากเพื่อนคู่หูอีกคนถอย จะมีผลคือก่อให้เกิดอันตรายกับเรา ซึ่งนับตั้งแต่ทำงานมา หมวดเอไม่เคยทิ้งใคร และจะออกหน้าก่อนเสมอ กระทั่งวันที่เกิดเหตุ ด้วยน้ำใจ และความอยากช่วยเหลือนั่นเอง ที่ทำให้หมวดเอ ซึ่งอยู่แนวหลัง ขอไปอยู่แนวหน้า ยอมทิ้งโล่พลาสติกไปจับโล่เหล็ก กระทั่งถูกระเบิด”

ด้าน ส.ต.อ.อดุลย์ เกตุกัปตัน ผบ.หมู่ป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อนตำรวจที่ถูกระเบิดใกล้เคียงกัน เล่าให้ฟังในโอกาสครบรอบ 2 ปีว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวตนได้รับบาดเจ็บสะเก็ดระเบิดเข้าที่ขา ขณะนี้คือไม่ได้รู้สึกโกรธคนที่ปาระเบิดแล้ว ส่วนอาการบาดเจ็บที่ขาก็ทุเลาลง เริ่มกลับมาวิ่งได้แล้ว ยอมรับว่าการบาดเจ็บครั้งนั้น เป็นบทเรียนสำคัญของชีวิต ทำให้รู้ว่าเพื่อนหรือคู่บัดดี้สำคัญมากที่จะคอยช่วยเหลือเรา

อีกด้านหนึ่ง ร.ต.ท.หญิง อุสาห์ ชัยปัญหา รองสว.ตำรวจภูธรภาค2 ภรรยาของ ส.ต.ต.ศราวุฒิ ชัยปัญหา เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิงเข้าที่ศีรษะจากเหตุการณ์ความรุนแรง เล่าว่า ช่วงแรกๆ ยังทำใจไม่ได้ต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ แต่ชีวิตตอนนี้ก็เริ่มทำใจได้ เหลือแค่ตอนกลางคืนที่ยังนอนฝันถึงอยู่เรื่อยๆ เหมือนเขาอยู่กับเรา แม้ในใจจะรู้ว่าเขาไม่อยู่แล้ว ซึ่งเมื่อถึงจุดที่ท้อแท้ที่สุดในชีวิต

สิ่งที่ยังยึดเหนี่ยวจิตใจไว้ก็คือลูก

“แฟนจะบ่นตลอดว่าไม่อยากไปเลย แต่มันเป็นคำสั่งต้องไป ตอนแรกที่เสียสามีไปใหม่ๆ คิดว่าเราคงอยู่ไม่ได้ แต่พอเรามามองดูหน้าลูก เราไม่สามารถที่จะทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวได้ ถ้าสมมุติว่าเราเป็นอะไรไป เขาจะอยู่อย่างไร ทุกวันนี้อยู่ได้ก็เพราะลูก ทุกวันนี้ลูกยังถามถึงพ่ออยู่ เขาจะมองไปบนฟ้า มองไปที่พระจันทร์ เขาบอก แม่ๆ พ่ออยู่บนนั้นนะ” ร.ต.ท.หญิง อุสาห์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image