‘เสรี’ วอน ‘เศรษฐา’ อยู่ให้ถึง 25 มี.ค.จะได้ซักฟอก ซัดไม่เห็นแก้ปัญหาเป็นรูปธรรม เห็นแค่สถิติไปต่างประเทศ 200 วัน อาจทำให้ต้องเปลี่ยนตัวนายกฯได้ เหน็บทุกวันนี้ ‘เศรษฐา’ อยู่ได้ด้วยจมูกคนอื่น
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 11 มีนาคม ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ในวันที่ 25 มี.ค.ว่า มี ส.ว.แสดงความจำนงที่จะอภิปรายกว่า 30 คน เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาให้วันเดียว 12 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นจึงได้หารือว่าหาก ส.ว.ท่านใดมีประเด็นคล้ายคลึงกัน ประเด็นเดียวกัน อาจมอบให้ ส.ว.อภิปรายในประเด็นนั้น หรือมอบเวลาให้คนที่มีข้อมูลเยอะๆ เพื่อให้การอภิปรายมีประโยชน์กับรัฐบาลและพี่น้องประชาชน
นายเสรีกล่าวว่า ขณะนี้มี ส.ว. 33 คน ตอนนี้ยังมีเวลาทำความเข้าใจตกลงร่วมกันว่าจะทำอย่างไรให้ได้สาระมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะฉะนั้นตอนนี้จึงขอความร่วมมือเพื่อลดจำนวนคน จริงๆ ถ้ารัฐบาลใจกว้างและจริงใจควรจัดเวลาให้ 2 วัน เพราะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นการนำประเด็นปัญหามาพูดคุยกันในสภา แต่รัฐบาลก็ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ ตอนแรกพยายามไม่ให้ลงชื่อให้ครบ แต่พอครบก็พยายามจะดึงเวลาออกไปอีก แทนที่จะนำประเด็นปัญหาไปแก้ไข ทำให้รัฐบาลเสียประโยชน์ เสียความน่าเชื่อถือ
“ถือเป็นช่วงสุดท้ายของ ส.ว.ที่เราพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะช่วงที่ผ่านมาเราไม่ค่อยมีโอกาสแบบนี้ ส.ว.กว่าจะทำความเข้าใจไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่เช่นนั้นก็ยื่นไปตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วแล้ว รัฐบาลก็คงจะเข้าใจ ส.ว.เองก็ต้องเข้าใจ ไม่ใช่ยื่นอภิปรายกลายเป็นล้มรัฐบาล” นายเสรีกล่าว
เมื่อถามว่า รัฐบาลอ้างว่ายังไม่ได้ใช้งบประมาณ 2567 เลย จะอภิปรายทำไม นายเสรีกล่าวว่า จำนวนเงินก็จำนวนเงินเดิม เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ถ้าพูดอย่างนี้คนไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็ไปเชื่อคนที่อ้าง ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องใช้งบประมาณหรือไม่ใช้งบประมาณ แต่คนในรัฐบาลนำมาอ้าง เพราะในรัฐธรรมนูญให้ใช้กฎหมายเดิมอยู่แล้ว
ต่อข้อคำถามว่า ประเด็นไหนที่ ส.ว.ต้องการอภิปรายมากที่สุด นายเสรีกล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง ประชาชนลำบาก กลับกลายเป็นว่าจะมาแจกเงินดิจิทัล มีสมาชิกจะพูดเรื่องนี้เยอะ ส่วนเรื่องการเปลี่ยนตัวนายกฯมีการพูดมาตลอดว่ามีนายกฯ 2-3 คนบ้าง ตนก็ยังภาวนาให้รัฐบาลและนายกฯคนปัจจุบันอยู่ให้ถึงวันที่ 25 มี.ค.จะได้มีการอภิปรายกัน ถ้าเปลี่ยนนายกฯ ครม.ก็หมดไป การอภิปรายก็อาจจะสิ้นผลไป
“การเมืองตอนนี้ก็กระเพื่อมทุกวัน มีการพูดว่าประเด็นปัญหาในการบริหารประเทศมีเยอะ รัฐบาลก็แก้อะไรไม่ได้ที่เป็นรูปธรรม สิ่งที่พูดแค่มาชี้แจง สัมผัสไม่ได้ นายกฯแสดงวิสัยทัศน์ 8 ข้อ แก้ปัญหาหนี้ ความยากจน เป็นการพูดรายวัน แต่ไม่มีอะไรชัดเจนว่าจะทำอะไร ที่ชัดเจนคือมีสถิติไปต่างประเทศเกือบ 200 วัน ถูกวิพากษ์วิจารณ์เยอะ
แทนที่นายกฯจะเอาเวลามาบริหารประเทศ ทำประโยชน์ให้กับประชาชน หรือมาพูดคุย ทำความเข้าใจกันในสภา กลับกลายเป็นไปต่างประเทศเยอะ ทำให้เสียโอกาส ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะ ความน่าเชื่อถือก็จะเสื่อม เพราะการตั้งใจแก้ปัญหาให้ประเทศไม่เห็นมี ตรงนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนให้เปลี่ยนตัวนายกฯก็ได้ แต่ก็อยู่ที่คนที่มีกำลังทางการเมืองจะตัดสินใจ แต่เห็นแล้วว่าไม่ใช่นายกฯปัจจุบันตัดสินใจ นายกฯอยู่ด้วยจมูกคนอื่น คนที่มีอำนาจจริงๆ ก็อยู่ที่เขาแหละที่จะตัดสินใจ จะเอาอย่างไร” นายเสรีกล่าว
เมื่อถามว่า การอภิปรายอาจมีการนำเรื่อง นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาอภิปรายด้วย อาจมีปัญหาเรื่องบุคคลภายนอก นายเสรีกล่าวว่า การพูดเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อคนนอก เพราะหลักการคือเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่เราใช้ในบ้านเมือง เป็นหลักสำคัญของบ้านเมือง มันถูกกระบวนการทางการเมืองเข้าไปแทรกแซง ทำให้การใช้กฎหมาย ให้ความยุติธรรม ให้ความเป็นธรรมที่หลายมาตรฐาน พูดแค่นี้คนก็เข้าใจแล้วว่าปัญหาของประเทศกระบวนการยุติธรรมอยู่ตรงไหน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
