‘นายกฯ’ รับฟังแก้หนี้เงินกู้บุคลากรรัฐ 11 หน่วยงาน ชี้ปัญหาหนี้เป็นสารตั้งต้นหายนะประเทศ ขอบคุณทุกหน่วยเฉือนเนื้อตัวเองไม่สนกำไร แม้แบงก์ชาติจะไม่ลดดอกเบี้ย
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ร่วมรับฟังการแถลงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินเงินกู้ของแก่บุคลากรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ จำนวน 11 หน่วยงาน มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟังการแถลงจากตัวแทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ
ได้แก่ พล.อ.อนุสรรค์ คุ้มอักษร รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.สวราชย์ แสงผล หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา, พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ รองผู้บัญชาการทหารอากาศ, พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ, ตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลัง, ว่าที่ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, นายนิรันดร์ มูลธิดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ,นพ.กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน .o{kotประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ, นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย ร่วมแถลง
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะรองประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สิน กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีบุคลการมีหนี้รวมสูงกว่า 16 ล้านล้านบาท เช่น เป็นหนี้สินในระบบ หนี้บ้านเช่า ซื้อรถยนต์ บัตรเครดิต สินเชื่อพาณิชย์ หลังจากที่นายกฯสั่งการให้มีมาตรการในการแก้ปัญหา โดยใช้แนวทางกระทรวงศึกษาธิการที่มีมาตรการให้หักเงินเดือนและเหลือดำรงชีพไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 พบว่ามีบุคลากรภาครัฐ 3.1 ล้านคน เป็นหนี้สถาบัน 1,378 แห่ง ลูกหนี้ 2.8 คน มีมูลหนี้ 3.3 ล้านบาท เมื่อมีการดำเนินการตามมาตรการถือว่ามีความคืบหน้าตามที่มีข้อสั่งการ
ด้านนายเศรษฐากล่าวมอบนโยบายว่า ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชื่นชมในการตั้งใจทำงาน ส่วนตัวเชื่อว่าหลายคนอาจไม่ได้ประสบปัญหาเยอะแบบเดียวกับข้าราชการอีกหลายแสนคน ข้าราชการเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติ แต่ยังมีหนี้สินชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำงานเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ดอกเบี้ย ถือเป็นสารตั้งต้นหายนะของประเทศ
นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องขอใช้คำนี้เพราะไม่ใช่แค่เพียงมีเงินไม่พอ แต่หันไปเพิ่งสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด เพื่อทำให้จิตใจดีขึ้น สบายใจขึ้น ถือเป็นความเข้าใจผิด หรือไปทุจริตประพฤติมิชอบ เป็นสารตั้งต้นที่ไม่ถูกต้อง ฉะนั้น การรวมตัวกันในวันนี้ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขกฎหมายว่าไม่ต้องออกจากราชการ มีเงินใช้ 30% รวมถึงสินเชื่อพิเศษ ลดดอกเบี้ย ตนเข้าใจว่าหลายหน่วยงานต้องหวังเรื่องการปันผล หรือผลกำไร แม้ว่าแบงก์ชาติจะไม่ลด แต่หน่วยงานช่วยกันลดก็ขอขอบคุณจากใจจริง และเชื่อว่าข้าราชการในหน่วยงานนั้นก็ขอบคุณเช่นเดียวกัน
นายกฯกล่าวว่า เข้าใจว่าแต่ละหน่วยงานมีเป้าหมายของตัวเอง การต้องเฉือนเนื้อเพื่อลดกำไรถือเป็นเรื่องที่ดี และขอฝากข้อคิดว่าต้องการให้หน่วยงานสหกรณ์เข้ามาร่วมโครงการนี้ให้มากขึ้น และขอให้ทำงานหนักขึ้น เชื้อเชิญให้เข้ามาอยู่ในระบบให้มากขึ้นเพราะทุกวันนี้หนี้สินเหล่านี้ไม่ได้ลดลงไป เชื่อว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้มีขีดจำกัดในการทำงานพอสมควร เพราะเป็นผู้บริหารระดับสูง จะต้องหาวิธีการการแก้ปัญหา ขอให้ทะเยอทะยานมากขึ้น พยายามช่วยเหลือประชาชนให้มากยิ่งขึ้นไปอีกเชื่อว่าผู้นำเหล่าทัพมีความใกล้ชิดและเข้าใจความลำบากของประชาชนอยู่แล้ว