สะพัด ‘อลงกรณ์’ จ่อย้ายไปเพื่อไทย หลังพบชัชชาติ เจ้าตัวรีบโต้ แจงทำการเมืองไร้รอยต่อ

ลือสะพัด ‘อลงกรณ์’ จะย้ายพรรคไปเพื่อไทย หลังพบชัชชาติ เจ้าตัวแจงสร้างมิติใหม่ ‘การเมืองไร้รอยต่อ’

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรีและอดีต ส.ส. 6 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวกรณีมีคำถาม เรื่องการย้ายพรรคไปเพื่อไทย (พท.) หลังจากมีข่าวไปพบหารือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนายอลงกรณ์เขียนชี้แจงว่า

“การเมืองที่ไร้รอยต่อ”

Seamless politics

Advertisement

กรณีมีข่าว “อลงกรณ์-ชัชชาติ” ผนึกความร่วมมือ “กทม.-จีน” ด้านพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟัา โดยฝ่ายหนึ่งนำโดยนายอลงกรณ์ พลบุตร (พรรคประชาธิปัตย์) กับอีกฝ่ายหนึ่งนำโดย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พรรคเพื่อไทย)

ทำให้เพื่อนๆ และสื่อมวลชนหลายคนสอบถามด้วยความกังขาว่าคุยกันรู้เรื่องหรือ???

บางคนตีความไปว่าผมจะย้ายพรรคไปเพื่อไทยใช่ไหม???

Advertisement

ผมถามกลับไปว่า ทำไมถึงคิดเช่นนั้น ก่อนจะถามต่อไปว่า เข้าใจคำว่า “การเมืองที่ไร้รอยต่อ” (seamless politics) ไหม???

ย้อนถามแบบนี้ก็งงกันสิครับ

ผมอธิบายสั้นๆ ว่า “การเมืองที่ไร้รอยต่อ” หมายถึงวัฒนธรรมทางการเมืองที่พรรคการเมือง หรือนักการเมืองที่อยู่คนละพรรคทำงานร่วมมือกันได้ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม โดยก้าวข้ามความแตกต่างทางการเมือง หรือการแข่งขันทางการเมือง

ผมเชื่อว่าท่านผู้ว่าฯชัชชาติก็มีแนวความคิด ความเชื่อเช่นเดียวกับผมในเรื่องการเมืองที่ไร้รอยต่อ ท่านให้เกียรติและแสดงออกอย่างกระตือรือร้นในระหว่างการประชุมหารือ และแสวงหาความร่วมมือที่เป็นไปได้ในทุกมิติ โดยปราศจากร่องรอยการแบ่งพรรค แบ่งฝ่าย

ยิ่งกว่านั้นเรายังได้พูดถึงความร่วมมือในการยกระดับการศึกษาด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เยเนอเรทีฟ เอไอ (Generative AI-ปัญญาประดิษฐ์) ในระบบ AI Classroom และความร่วมมือในโครงการกรุงเทพฯสีเขียว 2030 (Green Bangkok 2030) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและคุณภาพของเมืองหลวงของประเทศ เป็นต้น

ความร่วมมือระหว่างท่านผู้ว่าฯชัชชาติและผมคือหนึ่งในตัวอย่างของการเมืองที่ไร้รอยต่อ

แต่ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างความกังขาให้กับเพื่อนๆ และสื่อมวลชน

ผมเข้าใจดีว่าการเมืองบ้านเราเคยชินกับวัฒนธรรมทางการเมืองที่มุ่งต่อสู้แข่งขัน แบ่งพรรคแบ่งฝ่าย หมายเอาชนะคะคานกัน ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง

แต่สำหรับผมคิดว่าเหรียญมีสองด้านเสมอ ด้านหนึ่งคือการแข่งขัน อีกด้านหนึ่งคือความร่วมมือ

การเมืองจึงไม่ได้มีแค่เรื่องการแข่งขัน หรือการต่อสู้ทางการเมืองเท่านั้น แต่การเมืองสามารถร่วมมือกันได้ในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ

และนี่คือวิถีของการเมืองสร้างสรรค์ที่ผมยึดถือเชื่อมั่นมาโดยตลอด และอยากเห็นวัฒนธรรมทางการเมืองไทยแบบนี้เป็นรากฐานใหม่ของการเมืองไทย

สรุปคือไม่มีการย้ายพรรคครับ

นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรีและอดีต ส.ส. 6 สมัย พรรคประชาธิปัตย์

“Seamless politics” is a concept that refers to a political environment or system where different political parties or entities work together smoothly and effectively without experiencing significant disagreements, conflicts, or disruptions. In a seamless politics scenario, there is a high level of cooperation, collaboration, and communication among different stakeholders in the political arena. This leads to more efficient governance, better decision-making processes, and potentially improved outcomes for society as a whole.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image