บิ๊กโจ๊ก ส่งทนาย ร้อง เศรษฐา ออกหมายเรียกโดยมิชอบ ขอตั้งคนนอกมาร่วมตรวจสอบ
เมื่อเวลา15.20 น. วันที่ 19 มีนาคม ที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ ทนายความ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายพันศักดิ์ เจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคําสั่งกองบัญชาการตํารวจนครบาล ที่ 58/2567 ยื่นคําร้องขอหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และหมายจับพร้อมพวก จํานวน 5 คน ข้อหาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทําความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทําผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน
โดยข้อกล่าวหาในคดีอาญาที่ 391/2566 เป็นการคําเนินคดีอาญา ซ้ำ กับคดีอาญาที่ 724/2566 เนื่องจากเป็นข้อเท็จจริงเดียวกันกับสํานวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 724/2566 ที่ได้มีการกล่าวหาและส่งสํานวนการสอบสวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามมาตรา 61 พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.2561
แม้ต่อมาจะส่งสํานวนคืนกลับไปให้พนักงานสอบสวนดําเนินการ จนกระทั่งส่งสํานวนให้พนักงานอัยการ แต่เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้เรียกสํานวนการสอบสวนคดีอาญากลับมาที่ ป.ป.ช. ดังนั้น การที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญา ไปยื่นคําร้องขอหมายจับจึงเป็นการกระทําโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนั้น เท็จจริงในการแจ้งข้อกล่าวหา ได้แจ้งเฉพาะกรณีที่ใช้บัญชี น.ส.เบญจมิน (ผู้ต้องหาในคดีและเป็นพยานในคดีเว็บมินนี่) เป็นบัญชีผู้รับโอน โดยที่ความจริงมีบัญชีของนายสมพงษ์ และบัญชีของ นายพุฒิพงษ์ แต่พนักงานสอบสวนเลือกที่จะแจ้งข้อเท็จจริงเฉพาะบัญชี น.ส.เบญจมิน โดยไม่แจ้งข้อเท็จจริงธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องกับบัญชีนายสมพงษ์ และบัญชีของนายพุฒิพงษ์ ส่อแสดงให้เห็นว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มีเจตนาปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล ไม่นําข้อเท็จจริงเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินบัญชีของ นายสมพงษ์ และนายพุฒิพงษ์ มาแจ้งข้อกล่าวหา
“ขอให้ตรวจสอบว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนดังกล่าว ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่ จึงขอให้แต่งตั้งผู้ทําหน้าที่ตรวจสอบจากบุคคลภายนอกที่เป็นกลาง นอกจากข้าราชการตำรวจ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม“