09.00 INDEX อ่านรูปโฉม ภูมิใจไทย ใหม่ ผ่านภาพ ไชยชนก ชิดชอบ
หากไม่ทำความเข้าใจต่อการส่งต่อแห่งอำนาจทางการเมืองของ พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้าใจต่อการส่งต่อแห่งอำนาจของ พรรคภูมิใจไทย
และก็จะไม่มีคำถามต่อการดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคของ นายไชยชนก ชิดชอบ
ทั้งๆที่อายุเพียง 33 ทั้งที่เพิ่งเป็นส.ส. 1 สมัย
ในเมื่อสังคมไม่เคยตั้งคำถามว่าเหตุใด หัวหน้าพรรคชาติไทย พัฒนาจึงอยู่ในมือ นส.กัญจนา ศิลปอาชา แล้วจึงมาอยู่ในมือ นายวราวุธ ศิลปอาชา
เพราะพรรคชาติไทยพัฒนาคือพรรคที่ นายบรรหาร ศิลปะอาชา มีส่วนอย่างสำคัญในการวางรากฐานและพัฒนา ความชอบธรรมจึงเป็นของคนในตระกูล ”ศิลปอาชา”
ขณะเดียวกัน กรณีของพรรคภูมิใจไทยในเมื่อเลขาธิการพรรคคนก่อนคือ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ จึงย่อมไม่แปลกหากตำ แหน่งเดียวกันนี้จะอยู่ในมือ นายไชยชนก ชิดชอบ
กรณีพรรคชาติไทยพัฒนากับตระกูล ”ศิลปอาชา” เป็นเช่นใด กรณีพรรคภูมิใจไทยกับตระกูล ”ชิดชอบ” ก็เป็นเช่นนั้น แต่ในความเหมือนก็ยืนยันความจำเป็นต้อง ”เปลี่ยน”
นี่เป็นสถานการณ์อันเรียกได้ว่าเป็น ”ไฟท์บังคับ” ในทางการเมือง
ไม่ว่าจะเรียกว่า ”ผลัดใบ” ในแบบพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะยืนยันว่าเป็นการปรับตัวให้สอดรับกับ ”ยุคสมัยใหม่”
เป็นสัญญาณอันส่งผ่านจากการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ และแสดงความชัดเจนผ่านชัยชนะของพรรคก้าวไกล
มิได้เป็นความชัดเจนที่ พรรคก้าวไกล สามารถเอาชนะ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา หากที่สำคัญอย่างที่สุดคือ ทะยานไปอยู่ในจุดอันเหนือกว่าพรรคเพื่อไทย
บทพิสูจน์มิได้อยู่ที่การได้รับการยอมรับในระดับเขต หากแต่ที่แหลมคมเป็นอย่างมากก็คือ การได้รับการยอมรับผ่านคะแนนระบบบัญชีรายชื่อ
จำเป็นที่เกือบทุกพรรคการเมืองต้องเปิดกระบวนการผลัดใบ
นั่นก็คือเปิดพื้นที่ให้กับคนรุ่นใหม่อันเป็นทายาทในทางการเมือง
นี่เท่ากับเป็น ”สัญญาณ” เตือนไปยัง ”คนรุ่นเก่า” แหลมคม
การเปลี่ยนแปลงดำรงอยู่อย่างเป็นนิรันดร์ แต่ภายในกระบวนการ ของการเปลี่ยนแปลงก็ประกอบส่วนขึ้นจาก 2 องค์ประกอบ นั่นก็คือ ในทาง ”ความคิด” ในทาง ”การเมือง”
หากปรับเปลี่ยนแต่เพียงตัวบุคคลโดยมิได้มีการปรับเปลี่ยนในทางความคิด การดำรงอยู่ของคนรุ่นใหม่ก็เสมอเป็นเพียงหุ่นเชิดหรือเครื่องมือของคนรุ่นก่อน
ทุกอย่างจึงต้องการพิสูจน์จากความเป็นจริงของแต่ละปฏิบัติ การในทางการเมือง ยืนยันเอกภาพระหว่างความคิดกับการเมือง