09.00 INDEX บทเรียน #สมรสเท่าเทียม บทเรียน ก้าวไกล เพื่อไทย
มติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรผ่านความเห็นชอบต่อร่าง พ.ร.บ. #สมรสเท่าเทียม ไม่เพียงสะท้อนถึงพัฒนาการในทางความคิดต่อสถานะและการดำรงอยู่ของ “ความเท่าเทียม” ทางเพศ หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังยืนยันว่า “ความเท่าเทียม” ที่ได้มาจะต้องผ่านกระบวนการใน “การต่อสู้” อย่างยืนหยัด
ไม่ว่าจะมองในแง่ “สังคม” ไม่ว่าจะมองในแง่ “การเมือง” ยอมรับเถิดว่าการต่อสู้ในเรื่อง “ความเท่าเทียม” มีความละเอียดอ่อน ตั้งแต่เรื่องทางเพศที่ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว กระทั่งในเรื่องทางสังคมและในทางการเมืองที่ถือว่าเป็นเรื่องสาธารณะ
หากมองพัฒนาการตั้งแต่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เสนอความคิดนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะมุมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ว่าจะมุมของเลขาธิการพรรคการเมือง ก็ย่อมเข้าใจ
เข้าใจว่าอุปสรรคอยู่ตรงไหนและเกิดขึ้นได้อย่างไร หากมองถึงร่างกฎหมายอันถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ก็อยู่ในชื่อร่างกฎหมาย “คู่ชีวิต” ขณะเดียวกัน เมื่อปรากฏเป็นร่างกฎหมาย “สมรสเท่าทียม” หลังการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 ก็ใช่ว่าจะราบรื่น
ถามว่าแล้วความสำเร็จอันถือว่าเป็น “ชัยชนะ” ได้มาอย่างไร
คำตอบที่ยอมรับตรงกันไม่ว่าจะมองจากด้านของพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะมองจากด้านของพรรคเพื่อไทย ก็คือ การปักธงในทางความคิดเรื่อง “สมรสเท่าเทียม” กลายเป็นความเห็นร่วมทางสังคม ตัวอย่างหนึ่งซึ่งสะท้อนออกเด่นชัด คือ ผลการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566
เห็นได้จากคะแนนเสียงกว่า 14 ล้านที่ประชาชนมอบให้กับพรรคก้าวไกล เห็นได้จากคะแนนเสียงกว่า 10 ล้านที่ประชาชน มอบให้กับพรรคเพื่อไทย เพียงพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยร่วมมือกันก็ไม่มีร่างกฎ หมายใดที่จะไม่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร สร้างความเปลี่ยนแปลงตามมาอย่างมหึมามหาศาล
เมื่อความคิดในเรื่อง #สมรสเท่าเทียม ดำรงอยู่ในลักษณะอันเป็นความต้องการร่วมทางสังคมก็กลายเป็น “เจตจำนง” อันมีค่ารอการขับเคลื่อนโดยพรรคก้าวไกลประสานกับพรรคเพื่อไทย
เมื่อร่างกฎหมาย #สมรสเท่าเทียม ประสบความสำเร็จผ่านความเห็นชอบอย่างแทบจะเป็นเอกฉันท์จากสภาผู้แทนราษฎร
นั่นคือ เจตจำนง “ร่วม” นั่นย่อมเป็น “ฉันทานุมัติ” ทางสังคม คนที่เคยไม่เห็นด้วยก็ต้องเห็นด้วย ฉันทานุมัตินี้จึงสร้างความชอบธรรมให้กับความคิดในเรื่อง #สมรสเท่าเทียม ให้สถาปนาขึ้นภายในสังคมไทยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโลกบทเรียนนี้มีความหมายไม่ว่าจะมองในด้านสังคม ไม่ว่าจะมองในด้านของการเมือง เป็นบทเรียนแห่งการต่อสู้