สภาวุ่น! พท.ประท้วงไม่หยุด โรมแตะทักษิณ-ทวีแจงเหตุอยู่ชั้น 14 หวั่นมีคาร์บอมบ์ เหมือนปี’49

สภาเดือด ‘โรม’ ถามกระทู้แตะ ‘ทักษิณ’ ทำ ‘เพื่อไทย’ ประท้วงวุ่น ขณะที่ ‘วันนอร์’ โมโหหวิดถามไม่จบ ด้าน ‘ทวี’ ยัน ‘ทักษิณ’ เข้าประเทศก่อนรัฐบาลนี้ ด้าน ‘รังสิมันต์’ จี้ ถามหาหมอที่รักษา ‘รมว.ยุติธรรม’ ให้ไม่ได้ หวั่นทัวร์ลง ยันไม่ได้อยู่ห้องพิเศษ แจงเหตุเรือนจำให้ไปอยู่ชั้น 14 กลัวเกิดคาร์บอมบ์ซ้ำปี 49

เมื่อเวลา 12.35 น. วันที่ 28 มีนาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามทั่วไป เรื่องการคุมตัวนักโทษไปคุมขังนอกเรือนจำของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถาม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่นายเศรษฐา มอบให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มาตอบ ซึ่งก่อนที่นายรังสิมันต์จะถามกระทู้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ทั้ง นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ ส.ส.มหาสารคาม และ พญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ลุกขึ้นประท้วงนายรังสิมันต์ เนื่องจากมีการระบุรายชื่อบุคคลภายนอกชัดเจน โดยนายไชยวัฒนากล่าวว่า มีคนรับประกันได้หรือไม่ว่าจะไม่มีการเอ่ยชื่อบุคคลภายนอก การเอาบุคคลภายนอกมาพูดในสภา หลายสัปดาห์ต่อกัน มันเหนื่อย เหมือนที่มีคนเอาเรื่อง ส.ว.ทรงเอมาพูดในสภา

นายวันมูหะมัดนอร์ชี้แจงว่า การบรรจุวาระกระทู้ถามนั้น ตนได้มอบอำนาจให้ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นผู้พิจารณา เมื่อนายพิเชษฐ์พิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถถามได้ ก็หมายความว่าผ่าน แต่หากมีการเอ่ยชื่อบุคคลนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ตนจะได้พิจารณาต่อไป ทำให้นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ ส.ส.ระยอง พรรค ก.ก. ประท้วงว่า ยังไม่มีการพูดเลยว่าเป็นนักโทษทางการเมืองคนใด ซึ่งผู้บรรจุกระทู้ ผู้ถามกระทู้ และรัฐมนตรีผู้ตอบกระทู้ก็พร้อมแล้ว ขอให้ผู้ถามกระทู้เป็นผู้ถาม รัฐมนตรีเป็นผู้ตอบ เพื่อให้ประชาชนได้ทราบ ส่วนที่คนอื่นตนไม่ทราบว่าเป็นอะไรถึงได้ร้อนตัวกันเช่นนี้ ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ วินิจฉัยว่า ให้กระทู้ได้เดินต่อไป

ด้านนายรังสิมันต์อภิปรายว่า กระทู้นี้ตนตั้งไปตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2566 ยืนยันว่าจะพยายามไม่ให้ซ้ำกับกระทู้ของผู้อื่นแน่นอน ซึ่งระหว่างที่นายรังสิมันต์กำลังถามกระทู้อยู่นั้น ได้มีการเอ่ยชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้นายไชยวัฒนาลุกขึ้นประท้วงเรื่องการพาดพิงบุคคลภายนอกอีกครั้ง เนื่องจากบุคคลภายนอกไม่สามารถมาชี้แจงได้ นายวันมูหะมัดนอร์จึงขอให้นายรังสิมันต์พยายามไม่เอ่ยชื่อบุคคลภายนอก เนื่องจากเกิดความเสียหายและไม่สามารถมาตอบได้ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนจะพยายามเอ่ยชื่อนายทักษิณเพียงแค่ครั้งเดียว หากไม่ให้เอ่ยชื่อขอเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีโทนี่ วู้ดซั่ม นายวันมูหะมัดนอร์ชี้แจงว่า เราเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น ทำให้นายรังสิมันต์กล่าวว่า หากเราเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว จริงๆ ก็ไม่ได้เสียหาย และพยายามที่จะถามกระทู้ต่อ โดยใช้คำว่าโทนี่ วู้ดซั่ม แต่นายวันมูหะมัดนอร์ได้กล่าวขึ้นว่า คำว่าโทนี่ วู้ดซั่มก็ไม่อยากให้ใช้ เพราะเป็นที่รู้กันว่าหมายถึงใคร ก่อนจะให้นายรังสิมันต์ถามกระทู้ต่อ

Advertisement

นายรังสิมันต์กล่าวว่า อดีตนายกรัฐมนตรีได้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลชั้น 14 ซึ่ง พ.ต.อ.ทวีก็ทราบว่ากระบวนการที่อดีตนายกรัฐมนตรีเข้ามาสู่ประเทศไทย ก่อนหน้านั้นเราทราบดีว่าตั้งแต่เกิดรัฐประหารปี 2549 จากสถานการณ์วันนั้นจนถึงวันนี้มีความอยุติธรรมเกิดขึ้นจำนวนมากไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับอดีตนายกรัฐมนตรี ครอบครัวของท่าน พรรค พท. และความอยุติธรรมนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับครอบครัวของท่านอดีตนายกรัฐมนตรีเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกิดกับประชาชนด้วยเช่นกัน จากการที่ตนทราบมาพบว่า ห้องพักห้องนั้นเป็นห้องพักในลักษณะวีไอพี ซึ่งกฎกระทรวงกำหนดไว้ว่าต้องมีการตรวจสอบสิทธิรักษาของผู้ต้องขังให้เป็นตามที่ทางราชการกำหนดให้ และห้ามผู้ต้องขังเข้าอยู่ในห้องพักพิเศษแยกจากผู้ป่วยทั่วไป เว้นแต่การรักษาตัวในห้องควบคุมพิเศษตามสถานที่รักษาตัวของผู้ต้องขังที่ทางราชการจัดให้ สาเหตุที่ต้องมีการจัดให้อยู่ในชั้น 14 นั้นเนื่องจากมีเหตุการณ์คาร์บอมบ์เกิดขึ้นต่ออดีตนายกรัฐมนตรี จึงต้องนำไปรักษาตัวที่ชั้น 14

“ขอถามไปยัง พ.ต.อ.ทวีว่า ท่านมีรายงานหรือข้อมูลข่าวกรองว่าจะมีเหตุการณ์รอบสังหารหรือทำร้ายอดีตนายกรัฐมนตรี และการรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจซึ่งควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยอยู่แล้ว จะไม่ปลอดภัยได้อย่างไร การไปพักรักษาตัวที่ห้องอื่น ปลอดภัยน้อยกว่าชั้น 14 อย่างไร และสภาพห้องพักที่อดีตนายกรัฐมนตรีพักนั้นเป็นอย่างไร ทำไมจึงมีต้องมีความจำเป็นที่จะต้องแยกตัวอดีตนายกรัฐมนตรีออกจากผู้ที่รักษาตัวคนอื่น หากเทียบกับนักโทษทางการเมืองคนอื่นที่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนอกสถานที่คุมขัง แต่ยังไม่หายก็ถูกส่งตัวกลับมา ทำไมแตกต่างกับอดีตนายกรัฐมนตรี จึงขอทราบชื่อแพทย์ที่รับรองการรักษาอดีตนายกรัฐมนตรี เพราะหากเรื่องนี้มีการทุจริตเกิดขึ้น มีการใช้อำนาจหน้าที่ที่ไม่ถูกต้อง จะสามารถดำเนินการกับแพทย์คนนั้นได้” นายรังสิมันต์กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงว่า ขอบคุณนายรังสิมันต์ ที่ได้ตั้งคำถาม ตนอยากเรียนว่าเราควรทำความจริงให้ปรากฎ เมื่อความจริงปรากฎความชั่วร้ายมันจะหายไป การปฏิบัติต่อนายทักษิณ เป็นการปฏิติที่ไม่ได้เลือกการปฏิบัติ ตนมีการยึดมั่นใจการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระะมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในการบริหารราชการแผ่นดินตนจะยึดมั่นในกฎหมายรัฐธรรมนูญ หลักนิติธรรม รวมถึงนโยบายที่แถลงไว้ในสภา และตนยังส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุกและการเกิดสามัคคี

Advertisement

ทั้งนี้ จำได้ว่านายทักษิณ เข้าประเทศในสมัยที่รัฐบาลที่แล้ว และหัวหน้านายกฯ ก็เป็นหนึ่งในหัวหน้าคณะ คสช. ที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย หลายคนสงสัยทำไมอดีตนายกรัฐมนตรี จึงได้ตัดสินใจเข้าประเทศ โดยไม่รอรัฐบาลใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นพรรค ก.ก. พรรค พท. รวมตัวกัน ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล แต่ตนถือว่า นายทักษิณมีความกล้าหาญ ท่านเข้ามาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 โดยนายเศรษฐายังไม่ได้เป็นนายกฯ และยังไม่รู้ว่า ใครจะเป็นนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขณะนั้นคือนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ พวกเราก็ดูทางทีวี พร้อมเอาใจช่วย เพราะท่านก็ถูกกระทำเหมือนกัน และวันนั้นสิ่งที่ปรากฏคือ นายทักษิณ ได้เข้าไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14

“รัฐบาลนี้ไม่ว่า จะเป็นนายกฯ เศรษฐา หรือผมคงไม่สามารถที่จะไปขอร้อง พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา ขอร้องนายวิษณุ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้งผมเป็นคนลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ประยุทธ์ ดังนั้นขอเรียนว่าอดีตนายกฯ ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สิ่งที่เปลี่ยนอย่างเดียวคือปลัด รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพราะเกษียณ ส่วนผู้บัญชาการเรื่อนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่ได้เปลี่ยน ผมมาเป็นรัฐมนตรี ก็ไม่ได้เปลี่ยน ทั้งที่ ผบ.เรือนจำฯควรจะให้เขาขึ้น เพราะอาวุโสสูงสุด แต่ก็ไม่กล้าเปลี่ยน เพราะกลัวสังคมตำหนิว่าผมมาเปลี่ยนคน เพื่อช่วยอดีตนายกฯ ทักษิณ และผมก็พบว่า วันที่ 11 กันยายน 66 มีแถลงนโยบายที่รัฐสภา และผมจะต้องเดินทางไปรับราชการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม” พ.ต.อ.ทวีกล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนนำเรื่องนี้มาดูร่วมกับกฎหมายราชทัณฑ์ ที่มี นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ร่วมร่าง มีการเปลี่ยนหลักการกฎหมายฉบับนี้จากการแก้แค้น ข่มขวัญ ยับยั้ง มาสู่การฟื้นฟู คือคุกไม่ใช่มีไว้ให้คนเข้าแล้วไม่ออก จริงๆ คุกมีไว้ให้คนออกด้วยซ้ำ เพราะต้องการให้ออกมา ซึ่งกฎหมายฉบับนี้เกิดมาก่อนที่ตนมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และสิ่งที่รัฐบาลขณะนั้นไม่ได้ทำเพราะในกฎหมายราชทัณฑ์​ให้ออกกฎกระทรวง ระเบียบการปฏิบัติโดยเฉพาะที่คุมขังอื่น การพัฒนาพฤตะนิสัย ประมาณ 10 กว่าฉบับ มีการเขียนในบทเฉพาะกาล แต่มีการทักท้วง ซึ่งปกติเราเขียนกฎหมายให้ไปอยู่ในอุ้งมือเจ้าหน้าที่แล้วไม่ไปออกกฎกระทรวง กฎหมายฉบับนี้เขียนบทเฉพาะกาลว่าต้องไปออกกฎหมายกระทรวงภายใน 90 วัน ตนบอกว่าตลกหรือไม่ออกภายใน 90 วัน ที่ซ้ำร้ายกว่านั้น สนช.รวมทั้งกรรมาธิการ ซึ่งมีนายณัฐวุฒิด้วย ก็ไปทำกฎกระทรวงให้เขาหมดเลย ไม่มีดุลพินิจของฝ่ายบริหารเลย ซึ่งในกฎกระทรวงดังกล่าวมีหนึ่งข้อที่นายรังสิมันต์พูดคือการส่งผู้ไปรักษาตัวโรงพยาบาลข้างนอก ซึ่งมีอยู่ในมาตรา 55 นอกจากโรงพยาบาลของรัฐและโรงพยาบาลของเอกชน เป็นหลักการที่ ผบ.เรือนจำต้องพิจารณา ซึ่งตนรวจสอบแล้วถึงวันนี้ถ้าหมอบอกให้ไป ยังไม่เคยมีผู้บัญชาการเรือนจำ หลังปี 60 ไปยับยั้งไม่ให้ไปเลย

พ.ต.อ.ทวีกล่าวต่อว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้บริหารขณะนั้น เนื่องจากเราได้รับรายงานว่าอดีตนายกฯ รักษาตัวอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ และต่างประเทศหลายๆ แห่ง และหมอเกี่ยวกับเรื่องหัวใจของโรงพยาบาลตำรวจไม่พร้อม แม้แต่โรงพยาบาลเอกชนยังต้องไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดา สรุปนายทักษิณ อยู่ชั้น 14 รัฐบาลปัจจุบันยังไม่เข้ามาบริหาร แต่เราไม่ได้โทษใคร พอไปถึงโรงพยาบาลหมอไม่ได้จัดให้ สถานรักษาพยาบาลจัดให้ ซึ่งโรงพยาบาลตำรวจขึ้นตรงกับ ผบ.ตร. ที่สำคัญในระบบกฎหมายใหม่การควบคุมคือควบคุมไม่ให้หนี ไม่ให้ก่อเหตุร้าย ควบคุมไม่ให้เกิดภยันตราย

ซึ่งกรมราชทัณฑ์มองเหตุผลว่า นายทักษิณ ท่านตัดสินใจเข้าประเทศ แล้วสถานการณ์ตอนนั้น เรือนจำก็ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย เพราะมีคาร์บอมบ์เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 49 แล้วนายทักษิณก็ไปอยู่เมืองนอก และยังมีเหตุการณืคนร้ายลักษณะคาร์บอมบ์ให้บ้านนายทักษิณ เมื่อมีการยึดอำนาจแล้วศาลทหารกรุงเทพฯ และศาลทหารกลางก็ตัดสินจำคุกผู้กระทำ ข้อหาการครอบครองระเบิด การพยายามฆ่าเจ้าพนักงานไม่มี อันนี้อาจจะเป็นเหตุหนึ่งซึ่งตนไม่ทราบว่าดุลพินิจขณะนี้ทำไมเอานายทักษิณ ไปไว้ชั้น 14 แต่ทุกคนก็ต้องกลัวถ้านายทักษิณเป็นอะไรไปบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร แม้นายทักษิณจะมีสถานการณ์เหมือนคนทั่วไป

ภายหลัง พ.ต.อ.ทวี ตอบคำถามแรก นายรังสิมันต์ได้กล่าวชื่นชม พร้อมระบุว่าตนเข้าใจดีถึงความยากลำบากว่าเรื่องนี้ตอบไม่ง่าย สุดท้ายถ้ามีเรื่องบุญคุณและเรื่องกฎหมาย ถ้าเป็นคนก็คิดมากแน่นอน แต่ตนก็ต้องทำหน้าที่ เรื่องนี้เป็นเรื่องมาตรฐานกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีความจำเป็นอย่างไรที่นายทักษิณจะต้องอยู่ในห้องพิเศษ แน่นอนว่าอาจจะมีอำนาจสั่งการอะไรต่างๆ ได้ แต่ตนขอดูรูปได้หรือไม่ ห้องพักชั้น 14 ตกลงแล้วมีหน้าตาอย่างไร แสดงออกมาให้ประชาชนเห็น ส่วนเรื่องคาร์บอมบ์ ตนก็ทราบว่ามีคาร์บอมบ์ปี 2549 แต่ปีนี้ปีอะไร วันนี้นายกรัฐมนตรีออนทัวร์ไปพื้นที่ต่างๆ ไม่มีคาร์บอมบ์ ไม่มีเหตุการณ์อะไร ไม่มีเหตุการณ์รักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าคาร์บอมบ์มันไม่ได้เป็นอย่างที่เข้าใจ ถ้ายืนยันว่ามีหน่วยสำนักข่าวกรองบอกก่อน ตนก็รับฟัง แต่ช่วยตอบว่าการอยู่ชั้น 14 กับห้องทั่วไปมันต่างกันอย่างไร

นายรังสิมันต์อภิปรายต่อว่า ขอทราบชื่อแพทย์ที่ทำการรักษา จะได้ไปดำเนินคดีได้ เพราะวันนี้พิสูจน์แล้วว่าคนคนนี้ไม่ได้ป่วยอะไร ทำให้ ทพญ.ศรีญาดา ประท้วงว่า ขอให้ประธานควบคุมการประชุม ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ วินิจฉัย ขอให้เข้าสู่คำถาม อย่าอธิบายหรืออภิปราย นายรังสิมันต์ จึงกล่าว ตนเคารพประธาน แต่กำลังบอกว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดกฏหมาย วันนี้เราเห็นแล้วว่าอดีตนายกรัฐมนตรีสุขภาพแข็งแรง สามารถลุกนั่งได้ กราบพระได้ ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ ท้วงว่าไม่ต้องอธิบาย แต่นายรังสิมันต์พยายามบอกว่าต้องอธิบาย และขอให้เปิดสไลด์ เพื่อจะได้ถาม แต่นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ตนกังวลจะมีผู้ประท้วงอีก ขอให้ไม่เปิดสไลด์ ขอให้ถามเลย ถ้ารัฐมนตรีตอบไม่ชัดเจนก็จะให้ถามอีก แต่ถ้าขึ้นสไลด์มา ก็จะเป็นการอธิบายและมีการประท้วงยาวไปอีก นี่ไม่ใช่การอภิปราย ขอให้เอาไว้อภิปรายวันที่ 3-4 เมษายน ต้องเข้าใจว่านี่เป็นกระทู้ เข้าใจข้อบังคับหรือไม่

ทำให้นายรังสิมันต์ตอบกลับอย่างมีอารมณ์ว่า “ท่านประธาน ผมจะถามจากสไลด์ ผมจะให้รัฐมนตรีดู จะได้ถาม ทำไมท่านประธานต้องปิดไมโครโฟนผม” นายวันมูหะมัดนอร์ จึงมีอารมณ์บ้างพร้อมพูดด้วยเสียงอันดังว่า “เป็นอำนาจของประธานครับ ถามได้ ถ้าคุณยังพูดต่อไม่หยุด ผมจะให้คุณนั่งลงนะครับ ไม่งั้นต้องเชิญออกไป ท่านเข้าใจผมไหมครับ ประธานต้องดูแลการประชุมให้เป็นไปตามระเบียบ ท่านจะมาตวาดผมได้ยังไง ผมได้วินิจฉัยแล้วว่า ถ้าเอาขึ้นมา ก็ประท้วงอีก ถามได้เลย ทำไมคุณถามไม่ได้ ทำไมคุณถามไม่ได้ ไม่อย่างนั้นผมไม่อนุญาต ผมจะปิดกระทู้นี้แล้ว”

ทำให้นายรังสิมันต์ ยอมไม่เปิดสไลด์ แต่อภิปรายต่อว่า การที่อดีตนายกรัฐมนตรีได้รับโทษจากการเป็นคนแก่ อายุเกิน 70 ปี ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ มีการประเมิน ทดสอบอย่างไร เพราะหากประเมินโดยทุจริต รัฐมนตรีจะรับผิดชอบอย่างไร เราจะเห็นได้ว่าอดีตนายกรัฐมนตรี มีสุขภาพแข็งแรง สามารถไปตลาดได้ ลุกนั่งพูดคุยกับผู้สูงอายุได้

จังหวะนี้ ทพญ.ศรีญาดา ลุกขึ้นประท้วงอีกรอบ ก่อนที่ พ.ต.อ.ทวี ตอบยืนยันว่า นายทักษิณไม่ได้อยู่ห้องพิเศษ แต่อยู่ห้องควบคุมพิเศษ อยากให้เข้าใจว่านายทักษิณไม่ได้ละเมิดสิทธิ์ใคร ไม่ได้ออกไปข้างนอก เป็นการบริหารโทษ การพักโทษไม่ใช่การลดโทษ การพักโทษปีละเป็นหมื่นคน บางคนไปออกทีวียังมีเลย เป็นเรื่องปกติ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหลักวิทยาศาสตร์ มีกรรมการพักโทษถึง 19 คน ไม่อยากให้มองมิติของความอคติและไม่สะใจเหมือนคนอื่น ส่วนรายชื่อแพทย์ ถ้าตนเอ่ยชื่อ ทัวร์ก็จะไปลงเขา ยืนยันว่าตนและข้าราชการปฏิบัติตามกฎหมาย หลักยุติธรรม

นายรังสิมันต์จึงกล่าวแย้งว่าการเอ่ยชื่อแพทย์สามารถทำได้ ประชาชนเขาสงสัยกันทั้งประเทศ ประเด็นคือถ้าจะสร้างมาตรฐานต้องตอบให้ได้ ตนจึงถามถึงเรื่องคะแนนสุขภาพของนายทักษิณ ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ถามไปแล้ว รัฐมนตรีจะตอบหรือไม่ตอบก็ได้ แต่นายรังสิมันต์ ยังอ้างถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ เป็นไปตามที่นายณัฐวุฒิ ที่นั่งในกรรมาธิการ สุดท้ายอำนาจอยู่ในดุลยพินิจของกระทรวง

ขณะที่นายณัฐวุฒิ ลุกขึ้นขอใช้สิทธิ์พาดพิงว่า การตอบอภิปรายหรือการตอบกระทู้ของ พ.ต.อ.ทวีทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อตน 2 ประเด็นด้วยกัน คือ ที่บอกว่าตนเคยทำงานร่วมกับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งเกิดขึ้นจากกลไกรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ไม่เป็นธรรมกับตนอย่างยิ่ง ตนไม่ใช่ส่วนหนึ่งองคาพยพของ คสช. และสนช. ขณะนั้นแต่ประการใด แต่วันนั้นตนทำงานในฐานะเอ็นจีโอและได้รับเชิญจาก สนช.ให้ไปร่วมพิจารณาและเป็นกรรมาธิการพิจารณากฎหมายหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับสังคม เช่น กฎหมายอุ้มบุญ และกฎหมายราชทัณฑ์ที่กำลังพูดถึงวันนี้ และกรณีที่ได้สิทธิ์ของนายทักษิณที่ได้เอกสิทธิ์เหนือบุคคลอื่น เพราะกฎหมายราชทัณฑ์ที่ตนเคยเป็นผู้ร่าง ตนจึงจะขอเรียนว่าเป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือไม่ ซึ่งการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ราชทัณฑ์ในปี 2560 ขณะนั้นยังไม่มีพรรคอนาคตใหม่และพรรค ก.ก. จึงเป็นไปไม่ได้ที่พรรคอนาคตใหม่และ พรรค ก.ก. จะมีส่วนในการร่าง

ทำให้ นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร ส.ส.ศรีสะเกษ พรรค พท. ประท้วงว่า นายณัฐวุฒิเสียหายอะไร นายณัฐวุฒิจึงกล่าวว่า “ท่านไม่ได้ฟังที่ตนพูด 2 ข้อเมื่อสักครู่หรือ” ก่อนกล่าวต่อว่า หากพูดถึงเรื่องกรรมาธิการ ตนเป็นคนตัวเล็กตัวน้อย ในขณะที่สนช.ส่วนใหญ่มียศตำแหน่ง ฉะนั้น อย่าพยายามสื่อสารว่าตนเป็นคนคุมประเด็น และไม่ใช่คนเขียนกฎกระทรวงใดๆ เพียงแค่เราสรุปบทเรียนร่วมกันมาว่าการร่างกฎหมายใดก็ตามว่าหากไม่เขียนบทเฉพาะกาลในระยะเวลาเท่าไหร่ ทางข้าราชการก็จะไม่ออกกฎ จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดเวลาไว้ ส่วนการยกร่างก็เป็นการยกร่างเผื่อไว้ให้ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจภายหลังเป็นผู้พิจารณา ซึ่งตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวแต่ประการใด

ระหว่างที่นายณัฐวุฒิ กำลังใช้สิทธิ์พาดพิงเพื่ออภิปรายเกี่ยวกับเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์อยู่นั้น นางนุชนาถจะลุกขึ้นประท้วงอีกรอบ แต่นายณัฐวุฒิกล่าวขึ้นก่อนว่า ก็ขัดกันเช่นนี้ เรื่องนี้สำคัญ ตนจึงชี้แจงไม่จบสักที แต่ก็ขอบคุณที่ทำให้ตนได้พูดยาว นักศึกษาจะได้รู้ว่าจะเลือกพรรคใดในข้างหน้า นายวันมูหะมัดนอร์จึงอนุญาตให้นางนุชนาถใช้สิทธิ์ประท้วงก่อน โดยนางนุชนาถกล่าวว่า ท่านประธานก่อนให้มีการหาเสียงได้อย่างไร นายวันมูหะมัดนอร์วินิจฉัยว่า ไม่เกี่ยวกับการหาเสียง ซึ่งนายณัฐวุฒิมีสิทธิ์ที่จะพูดได้เนื่องจาก พ.ต.อ.ทวีได้พาดพิงถึงแม้จะเสียหายหรือไม่เสียหายก็ตาม และขอให้นายณัฐวุฒิพูดเฉพาะที่ตัวเองเสียหาย

จากนั้น นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า สิ่งที่พวกเราพยายามเน้นย้ำคือการแก้ปรัชญาในเรือนจำ คือไม่ใช่ว่าคุกมีไว้ขังคนจน และจะทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุ คนป่วยได้รับการดูแลตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น แม้กระทั่งผู้ต้องขังหญิงสิ่งที่ต้องฝากไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคือผ้าอนามัยและแพมเพิร์ส สิ่งที่เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานทั้งหมด ทำให้นางนุชนาถ ประท้วงอีกรอบว่า “ผ้าอนามัยเสียหายอย่างไร มันเสียหายตรงไหน” นายณัฐวุฒิ จึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “มันไม่เพียงพอไงครับ” จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ชี้แจงว่า “คิดว่านายณัฐวุฒิพูดมาเพียงพอแล้ว ขอให้พูดอีกสั้นๆ” ก่อนที่นายณัฐวุฒิจะกล่าวต่อว่า ตนยืนยันว่าสิ่งที่ตนมีส่วนในการร่วมร่าง ร่าง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฯ นั้นเป็นไปเพื่อรักษาสิทธิของทุกคน แต่ไม่เคยทำไปหรือมีเจตนาให้ใครใช้กฎหมายนั้นเพื่อเอกสิทธิ์ของใครคนใดคนหนึ่ง

ภายหลังจากที่นายณัฐวุฒิพูดจบยังมีการถกเถียงกันอีกระยะหนึ่ง ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ได้ตัดบทว่า กระทู้นี้ยาวพอสมควรแล้ว ขอเข้าวาระต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจบกระทู้ พ.ต.อ.ทวีและนายรังสิมันต์ ได้เดินมาพูดคุยกัน ก่อนจะแยกย้ายกันออกจากห้องประชุมทั้งคู่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image