เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ นายดิเรก ถึงฝั่ง อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงข้อเสนอปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ว่า ตนไม่เห็นด้วยกับบางข้อเสนอของ ครม. เพราะ เห็นว่าเป็นแนวทางที่อยากสงวนอำนาจเอาไว้ จะถูกติฉินเปล่าๆ ตนไม่รู้ว่า ครม.คิดอย่างไร แต่ ครม.ชุดนี้ มาจากการรัฐประหารทั้งหมด จึงอาจถูกมองว่า ยังอยากรักษาอำนาจชั่วคราวเอาไว้หรือไม่ จึงไม่ใช่แนวทางแก้ไขที่ถูกต้อง เพราะต้นตอของปัญหาเกิดจากรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550 ที่ได้สร้างรูปแบบ ส.ว.สรรหาขึ้นมา ทั้งๆที่รูปแบบส.ว.เลือกตั้งอย่างเดียวในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ก็ดีอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมา ส.ว.สรรหาเป็นฉนวนปัญหา เพราะเป็นโจทย์ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญหลายเรื่อง จนเกิดความขัดแย้งจากตีความ อีกทั้ง การที่รัฐธรรมนูญฉบับ นายมีชัย ฤชุพันธ์ุ ประธานกรธ. ได้กำหนดรูปแบบที่มาส.ว.แบบเลือกตั้งไขว้ ซึ่งก็คล้ายเป็นการสรรหาทั้งหมด สังคมรับรู้ปัญหา และจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่แล้ว
“โจทย์มาจากรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ที่ผิดพลาด แทนที่จะไปแก้ไขข้อผิดพลาดนั้น แต่กลับไปทำให้ยุ่งเหยิงเสียอีก พอนายมีชัย เผยไต่ออกมาแบบนี้ ก็มีเสียคัดค้านเป็นธรรมดา ถ้าภายหลังการปรับแก้ร่าง แล้วนายมีชัยไปแก้ภาพรวมตามข้อเสนอที่ครม.ชงมาอีกก็จะกลายเป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับ ลิดรอนอำนาจประชาชน โดยประชาชนเลือกนายกฯ และส.ว.เองไม่ได้ ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจใหญ่มาก อยู่ดีๆองค์กรอิสระสามารถกระโจนเข้าไปวินิจฉัยหรือท้วงติงการทำงานของรัฐบาลได้ ดังนั้น นายมีชัยต้องอย่าไปมอบอำนาจพิเศษให้ใครอีก การที่ ครม.เสนอมาเช่นนี้ ครม.เองยังหวงอำนาจ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย และก็เชื่อว่านักวิชาการจำนวนมากก็ไม่เห็นด้วย เริ่มต้นคนก็ออกมาค้านกันทั่วแล้ว ไม่ต้องไปพูดถึงประชามติว่าจะผ่านหรือไม่ ผมเองอยากให้บ้านเมืองสงบเดินหน้าไปได้ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ไม่สงบ เดินหน้าไม่ได้เกิดวิกฤตอีกแน่” นายดิเรก กล่าว