ณัฐชา สงสัย ‘เศรษฐา’ เป็น 4 โรคร้าย งงกลัวอะไร ไม่เคยเข้าสภาตอบกระทู้ก้าวไกลเลย

‘ณัฐชา’ อัด ‘เศรษฐา’ แค่นายกฯ ฝึกงาน ทำประเทศย่ำที่เดิม จวก เป็น 4 โรคร้าย ‘ขวัญอ่อน-มือบาง-ปากเปราะ-ขาสั่น’ เหตุ หนีการตรวจสอบ พร้อมชวนเข้าสภาฯ บอก เป็นที่เดียวที่จะได้ฉายแวว

เมื่อวันที่ 4 เมษายน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เป็นวันที่สอง

ต่อมาเวลา 23.30 น. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า 7 เดือนที่ผ่านมาคงทำให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รู้ว่าประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจเป็นคนละเรื่องกับการบริหารประเทศผ่านระบบราชการ เพราะทำให้ประสบการณ์ตลอดชีวิตแทบไม่มีประโยชน์ จนดูเหมือนขณะนี้ประเทศไทยกำลังมีนายกรัฐมนตรีเป็นเด็กฝึกงาน ที่ทำอะไรไม่ได้ และบริหารประเทศไทยเหมือนบริษัทที่มีซีอีโอยักษ์ใหญ่ ซึ่งการเข้าสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศมีอาการขาดวุฒิภาวะ ต้นเหตุจาก 4 โรคร้าย คือ นายกรัฐมนตรีเป็นคนขวัญอ่อน เพราะผ่านมา7 เดือน ท่านตกใจไปแล้ว 10 ครั้ง อาทิ ตกใจเรื่องเกษตรกรเผาไร่อ้อย, ขายน้ำกระท่อมเกลื่อนเมือง, ค่าไฟแพง ค่าครองชีพสูง, อัตราการเกิดต่ำ ตนคิดว่านายกรัฐมนตรีคงแค่อุทาน แต่ท่านก็ตอบกลางสภาฯ เองว่าท่านไม่รู้ว่ามีการขายน้ำกระท่อมข้างถนน แสดงว่าท่านไม่เคยรับรู้เลยว่าประชาชนต้องเผชิญปัญหาเรื่องใดบ้าง

Advertisement

“เมื่อไม่เข้าใจ ท่านจะแก้ปัญหาเรื่องค่าครองชีพ ค่าขนสงสาธารณะ หรือแก้ปัญหาเรื่องที่พี่น้องประชาชนคนหาเช้ากินค่ำที่พบเจอได้อย่างไร จึงไม่แปลกที่เกือบ 7 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยจึงหยุดอยู่กับที่ แม้จะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่แต่ประเทศไทยยังไม่เปลี่ยน ไม่เหมือนตอนที่ท่านนายกรัฐมนตรีพูดหาเสียงไว้ว่า เลือกพรรคเพื่อไทย แลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที แต่วันนี้ประเทศไทยยังคงหยุดอยู่กับที่ ที่เดิม เพราะเรามีนายกรัฐมนตรีที่ไม่รู้ปัญหา” นายณัฐชากล่าว

นายณัฐชากล่าวด้วยว่า นายเศรษฐาเป็นโรคมือบาง หยิบจับไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เช่น กรณีการแก้ปัญหาหมูเถื่อน ที่สั่งอธิบดีดีเอสไอให้ดำเนินการ ทั้งที่เป็นปลายเหตุ ขณะที่ต้นเหตุคือการนำเข้า ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่กำกับศุลกากรปล่อยผ่านได้อย่างไร ด่าเขาแต่เข้าตัวเอง เพราะไม่รู้ปัญหาต้นตอ ทำแค่แอ๊กชั่นไว้ก่อน ดังนั้น เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีฝึกงาน เป็นโรคมือบาง หนักไม่เอา เบาไม่สู้ ทำให้ประเทศอยู่กับที่ ใช้ปากสั่งการ โดยมีข้อสั่งการจำนวนมาก แต่ผลลัพธ์จำนวนน้อยและแก้ปัญหาไม่ได้ เช่น การปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมไซเบอร์

นายณัฐชากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเป็นโรคปากเปราะ ที่ทำให้เห็นการแก้ปัญหาอย่างขาดวุฒิภาวะ และกระทบต่อประเทศ เช่น กรณีทะเลาะกับผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย หรือการนำข้อมูลลับมาเปิดเผยผ่านเวทีต่าง ๆ

Advertisement

“ท่านนายกฯ หนีการตรวจสอบ โดย 7 เดือนที่ผ่านมานั้น ท่านมาตอบกระทู้ในสภาฯ แค่ 2 กระทู้ ที่ชงมาจากพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่กระทู้ถามจากพรรคก้าวไกล ท่านนายกฯ ไม่ยอมมาตอบแม้แต่กระทู้เดียว ท่านกลัวอะไรนักหนาถึงได้หนีการตรวจสอบ หรือว่าท่านเป็นโรคปากเปราะเลยกลัวว่าอาการจะกำเริบตอนตอบกระทู้ในสภา โรคขาสั่น กลัวการตรวจสอบเช่นนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งอาการของการขาดวุฒิภาวะที่ดูรุนแรงขึ้นทุกวัน ๆ การที่ท่านไม่ให้เกียรติฝ่ายนิติบัญญัติเช่นนี้ ผมไม่เข้าใจ จึงขอให้เวลาที่เหลือที่ท่านจะได้เป็นนายกฯ มาสภาฯ เพราะจะมีอำนาจเต็มและฉายแววได้ เพราะมีข่าวลือว่าที่ทำเนียบท่านถูกแย่งซีนแล้ว” นายณัฐชากล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image