ก้าวไกล ยันอาหารทะเลมหาชัยปลอดภัย ไร้แคดเมียมเจือปน จี้ตรวจโรงงานปล่อยควันดึกๆ

‘เด็กก้าวไกล’ ยันอาหารทะเลมหาชัยปลอดภัย ไร้แคดเมียมเจือปน เผยพื้นที่ห่างกัน-ยังไม่แพร่ออกไปสู่สภาพแวดล้อม จี้หน่วยงานรัฐตรวจสอบโรงงาน ปล่อยควันส่งกลิ่นเหม็นช่วงเวลากลางคืนเป็นสารอันตรายหรือไม่ ชี้เป็นปัญหาเรื้อรังของ ปชช.สมุทรสาครมานาน

เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ ต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม ส.ส.สมุทรสาคร เขต 1 พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ร่วมสังเกตการณ์การตรวจคัดกรองประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงโรงงานที่พบกากแคดเมียม นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ขณะนี้พบกากแคดเมียมใน จ.สมุทรสาคร ทั้งหมด 3 จุด ที่ ต.บางน้ำจืด อ.เมือง 2 จุด และ ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน 1 จุด จำนวนรวมกว่า 4,474 ตัน จากหลักฐานในขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการหลอมแคดเมียมที่ จ.สมุทรสาคร และไม่พบการปนเปื้อนออกไปภายนอกโรงงาน แต่ข่าวสารที่เผยแพร่ออกไปกำลังก่อให้เกิดความไม่สบายใจของประชาชนเป็นอย่างมาก ถึงกับมีการพูดว่าจะไม่กินอาหารทะเลจากมหาชัยเนื่องจากกลัวสารแคดเมียมตกค้าง ซึ่งขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะพื้นที่เกิดเหตุกับพื้นที่มหาชัยอยู่ห่างกันมาก

“ผมขอยืนยันว่าอาหารทะเลยังทานได้ปกติ เพราะพื้นที่อ่าวไทยและแหล่งอาหารทะเล กับพื้นที่ที่พบกากแคดเมียมอยู่ห่างกันมาก คือแคดเมียมถูกพบที่ ต.บางน้ำจืด 2 จุด และพบที่ ต.คลองมะเดื่อ ล่าสุดอีก 1 จุด ซึ่งข้อมูลที่ได้รับมาจากหน่วยงานรัฐยืนยันว่าแคดเมียมไม่ได้มีการแพร่ออกไปสู่สภาพแวดล้อมนอกโรงงาน ทั้งในดิน น้ำ และอากาศ แม้ว่าล่าสุดจะมีการตรวจพบปริมาณสารตกค้างในร่างกายของพนักงานโรงงานที่ซอยกองพนันพล แต่คาดว่าเกิดจากการทำงานที่สัมผัสโดยตรงและต่อเนื่อง นอกจากนี้ ทางสาธารณสุขก็ได้มีการตรวจหาสารแคดเมียมจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โดยรอบใกล้กับสถานที่ที่พบแคดเมียมด้วยแล้ว” นายณัฐพงษ์กล่าว

นายณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า นอกจากเรื่องแคดเมียมแล้ว ประชาชนในพื้นที่มีความกังวลกันมานานว่าโรงหลอมในพื้นที่มักดำเนินการหลอมสารต่างๆ ในช่วงเวลากลางคืน มีการปล่อยควันส่งกลิ่นเหม็นรบกวนประชาชน ซึ่งประชาชนไม่ทราบเลยว่าสิ่งที่หลอมเป็นสารอันตรายหรือไม่ นี่เป็นปัญหาเรื้อรังและเป็นปัญหาใหญ่ของ จ.สมุทรสาคร มานาน หากเป็นสารอันตรายก็ย่อมส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้น ภาครัฐจึงควรใช้โอกาสนี้ตรวจสอบการดำเนินการของโรงงานต่างๆ ทั่วประเทศให้เป็นไปตามมาตรฐาน

Advertisement

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า มีหลายโรงงานที่ไม่สนใจและไม่รับผิดชอบในการประกอบธุรกิจ แต่ก็มีหลายโรงงานที่ต้องการจะปรับตัว แต่อาจติดเรื่องเงินทุนหรือพื้นที่ในการทำระบบบำบัด สิ่งเหล่านี้ภาครัฐจำเป็นต้องเข้ามารับฟังและหาทางแก้ปัญหา รวมถึงคำถามที่สำคัญกว่านั้นคือสุดท้ายแล้วรัฐบาลจะมีแนวนโยบายต่อเรื่องนี้อย่างไร จะหาสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนอย่างไร

“ถึงที่สุดแล้วธุรกิจบางอย่างก็เป็นสิ่งที่ประเทศที่พัฒนาแล้วเขาไม่อนุญาตให้ทำ หรือหากจะทำต้องมีระบบที่ดี รับผิดชอบต่อสังคม หากทำไม่ได้ก็ต้องถูกสั่งปิดและเลิกกิจการไป สิ่งเหล่านี้รัฐในฐานะผู้กำกับดูแลต้องเข้ามาจัดการ ขอให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้ในการสังคายนาทั้งระบบด้วย” นายณัฐพงษ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image