เศรษฐา ไม่ติดใจ รมต.แห่พบทักษิณ ชี้ปมปรับ ครม. เร่งทำงานดีกว่า ไม่ต้องวิ่งหาคนนั้นคนนี้

‘เศรษฐา’ ส่งสัญญาณหลังมีชื่อรัฐมนตรีถูกปรับ ลั่นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงาน บอกไม่ต้องวิ่งหาคนนั้นคนนี้เสียเวลา ปรับเมื่อไหร่รู้เอง ระบุพรรคร่วมยังไม่ส่งสัญญาณ ไม่ติดใจ รมต.แห่พบทักษิณ

เมื่อเวลา​ 11.05 น.​ วันที่ 16 เมษายน ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง​ ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้เข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามาตามประเพณีไทย มาสวัสดีปีใหม่และรดน้ำอวยพร เอาพวงมาลัยมาไหว้และกราบท่าน ซึ่งนายทักษิณได้อวยพรให้สุขภาพแข็งแรงและเป็นกำลังใจในการบริหารบ้านเมือง

เมื่อถามว่า ในการพบกับนายทักษิณวันนี้ไม่มีเมนูอะไรพิเศษ นายเศรษฐากล่าวว่า ตนทานกาแฟอเมริกาโน่เย็น ไม่ใส่น้ำตาล เพราะยังไม่ทานอะไรจนกระทั่งเที่ยง จึงไม่มีเมนูพิเศษอะไร

Advertisement

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา 2 นายเศรษฐากล่าวว่า “ตอนนี้ยังไม่มีครับ สื่อไปพูดกันเอง อย่างไรก็ตาม มันก็ต้องปรับในวันหนึ่ง และถ้าเผื่อจะปรับก็จะทราบกันเอง ไม่อยากให้รัฐมนตรีที่มีรายชื่อออกมาขณะนี้หวั่นไหว ผมคิดว่าควรเร่งทำงานกันดีกว่า เพราะทุกๆ วันมีค่า แทนที่จะวิ่งเต้นวิ่งเซ่นมาหาท่านนั้นท่านนี้”

เมื่อถามว่า ที่มาพบกับนายทักษิณได้พูดคุยกันเรื่องดังกล่าวด้วยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาบ้านเมืองธรรมดา ปัญหาเรื่องข้าวโพด ปัญหาเรื่องการเผาป่า เรื่องความสะอาดของบ้านเมือง เป็นเรื่องธรรมดา รวมทั้งเรื่องของเมียนมาก็ได้มีการพูดคุยกัน

เมื่อถามย้ำว่า จะต้องมีการพูดคุย หรือเคลียร์กับรัฐมนตรีที่มีรายชื่อว่าจะถูกปรับที่มีการวิเคราะห์กันหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ไม่เคลียร์ครับ เพราะผมไม่ได้เป็นคนเขียน ผมไม่เคลียร์อยู่แล้ว”

Advertisement

เมื่อถามว่า แสดงว่าอยากให้รัฐมนตรีทุกคนตั้งใจทำงานมากกว่าใช่หรือไม่ นายเศรษฐกล่าวยอมรับ ผมพูดมาตลอดเวลาและผมพูดมาโดยตลอดช่วงเวลา 1 เดือนที่มีข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ผมขอบอกตรงๆ ว่าภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดคือการทำงาน การทำงานที่ถูกต้อง ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและของแต่ละกระทรวงก็มีนโยบายเรือธงอยู่แล้ว ซึ่งทุกท่านก็ทราบอยู่แล้วว่าต้องทำอะไรบ้าง

เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการส่งสัญญาณมาถึงนายกรัฐมนตรีหรือยัง โดยเฉพาะบางพรรคที่ต้องการปรับ ครม. นายเศรษฐากล่าวว่า ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วและเป็นสิทธิของเขา แต่อยู่ดีๆ ตนคงไม่โทรไปถามว่าใครอยากปรับบ้าง แต่แน่นอนว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังมีเก้าอี้เหลือ 1 เก้าอี้ แต่ยังไม่มีการส่งสัญญาณอะไรมาถึงตน และยังไม่มีการพูดคุย

เมื่อถามว่า อดีตนายกรัฐมนตรีได้แนะนำอะไรบ้างในการทำงาน นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มีครับ เป็นการพูดคุยถึงเรื่องบ้านเมืองธรรมดา แชร์ข้อมูลกันว่าสมัยท่านมีอะไรบ้าง สมัยนี้มีอะไรบ้าง โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และท่านก็เป็นกำลังใจให้ เพราะถือว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เวลาไปพบผู้ใหญ่หลายๆ ท่านทุกท่านก็เป็นห่วงบ้านเมือง ซึ่งก็มีการพูดคุยกันในทุกๆ ด้าน ทุกมิติ และถ้าเกิดต้องการความช่วยเหลืออะไรจากอดีตนายกฯ ท่านก็บอกว่าสามารถโทรศัพท์มาหาได้ทุกเมื่อ พร้อมให้คำแนะนำ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมามีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงภาพเปรียบเทียบระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายทักษิณ ที่มีบรรดารัฐมนตรีไปพบจำนวนมาก แต่นายกฯมีเพียงลูกเท่านั้น นายเศรษฐากล่าวว่า สื่อควรจะต้องบอกตนว่ามองกันอย่างไรถึงจะสามารถตอบได้

เมื่อถามว่า ที่มีบรรดารัฐมนตรีไปพบและอยู่กับอดีตนายกฯจำนวนมากนั้น นายเศรษฐากล่าวว่า ก็เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเขารู้จักกันมานาน อีกทั้งนายทักษิณก็เป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยมา ท่านรัฐมนตรีหลายท่าน อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ซึ่งไม่ต้องเอ่ยชื่อหมดทุกคน เพราะทุกท่านรู้จักคุณทักษิณมานานกว่าตน ให้ความเคารพกันมายาวนาน และนายทักษิณก็อายุมากกว่าบรรดารัฐมนตรีทุกๆท่านอยู่แล้ว และรัฐมนตรีที่เอ่ยชื่อไปก็อายุมากกว่าตน จึงเป็นธรรมดาที่จะไปพบกัน

นายเศรษฐาระบุว่า ไม่ได้คิดอะไรและเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้ว หากสื่อกำลังจะบอกว่านายทักษิณได้รับความนิยมชมชอบมากกว่าตน ตนก็ไม่ติดอะไร และถือเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว รับได้อยู่แล้วตรงนี้ ไม่ได้มีอะไร และวันสงกรานต์ก็เป็นวันของครอบครัว อีกทั้งเชียงใหม่ก็เป็นเมืองที่น่าเที่ยว หลายๆ ท่านก็ถือโอกาสไปรดน้ำดำหัว ก็เป็นประเพณี อีกทั้งท่านเองนอกจากเป็นคนที่พรรคให้ความเคารพ นอกจากรัฐมนตรีก็ยังมี ส.ส.หลายท่าน

นายเศรษฐากล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าอย่าไปคิดอะไรมากเลยกับการที่ตนมาเยี่ยมนายทักษิณวันนี้เพราะท่านเองเป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เป็นผู้ใหญ่ที่ทุกคนในบ้านเมืองให้ความเคารพ เป็นคนที่มีความรู้ จึงเป็นธรรมดาที่ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีหน้าใหม่ ก็ต้องมาขอคำแนะนำและพูดคุยถึงปัญหาบ้านเมือง รวมทั้งเล่าให้ฟังว่าทำอะไรอยู่บ้าง หรือเป็นเรื่องธรรมดา ตนเจอกับผู้ใหญ่หลายคนในบ้านเมืองก็ขอคำปรึกษา และก็ทำงานอยู่แล้ว ไม่มีอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ทำไมมีกระแสข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะไปนั่งควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบเลย แต่คงเป็นเรื่องที่ตนได้ไปเยี่ยมทหารและบ้านพักของข้าราชการทหาร รวมทั้งเรื่องที่ตนมีความสนิทสนมส่วนตัวกับ ผบ.ทบ.และ ผบ.ทสส. มีการยกหูพูดคุยกันได้ ซึ่งเป็นหน้าที่อยู่แล้วในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ได้ขอท่านไปว่าอยากให้ท่านช่วยดูแลเรื่องชายแดน พื้นที่ทำกินของราษฎร ซึ่งท่านก็ตอบสนองได้ดี แต่ตรงนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องมาเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง หรือตำแหน่ง รมว. กลาโหม เพราะสถาบันทหารเองทุกคนก็มีความเป็นมืออาชีพ มีวินัย

นายเศรษฐากล่าวว่า ถ้าเผื่อนายกรัฐมนตรีขออะไรไปและเป็นเรื่องที่เหมาะสม เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ก็เชื่อว่าทุกคนพร้อมจะทำให้อยู่แล้ว ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดคุย หรือมโนภาพว่าจะต้องเป็นอะไรตรงนั้นตรงนี้ เพราะที่ผ่านมาก็เป็นเรื่องธรรมดาในการพูดคุย ตนก็พูดคุยกับบรรดารัฐมนตรีพาณิชย์ ปลัดกระทรวง หรืออธิบดีในกระทรวงพาณิชย์ แล้วทำไมถึงไม่บอกกันว่าตนจะไป รมว.พาณิชย์บ้าง ดังนั้น ถือเป็นหน้าที่อยู่แล้วในการที่จะพูดคุยกันไม่มีนัยอะไร

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image