กมธ.แก้คำนิยาม ‘แรงจูงใจทางการเมือง’ ยังไม่สรุป ความผิด ม.112 ได้นิรโทษกรรมหรือไม่

กมธ.ยังไม่สรุป ความผิด ม.112 ได้นิรโทษกรรมหรือไม่ ‘นิกร’ ชี้เป็นเรื่องซับซ้อน ต้องสรุปให้ชัดเจน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 เมษายน ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มี นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ. เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณารายงานของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาข้อมูลและสถิติคดีความผิดอันเนื่องจากแรงจูงใจทางการเมือง ที่มี นายนิกร จำนง เป็นประธานอนุ กมธ. ได้สรุปข้อมูลเกี่ยวกับสถิติคดีความผิดอันเนื่องจากแรงจูงใจทางการเมืองเสร็จสิ้นแล้ว ส่งให้ กมธ.วิสามัญพิจารณา

ภายหลังการประชุม นายนิกรกล่าวว่า ที่ประชุม กมธ.ชุดใหญ่ได้ปรับปรุงนิยาม “แรงจูงใจทางการเมือง” ให้หมายถึง การกระทำที่มีพื้นฐานมาจากความคิดที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง จากเดิมที่คณะอนุ กมธ.สรุปคำนิยามให้หมายถึงการกระทำที่มีพื้นฐานมาจากความคิดที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง ตลอดจนให้เพิ่มเติมเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี 2557 ภายหลังการรัฐประหาร ให้อยู่ในการชุมนุมที่มีเหตุมาจากแรงจูงใจทางการเมืองด้วย

นายนิกรกล่าวต่อว่า ส่วนความผิดเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 และมาตรา 112 จะอยู่ในฐานความผิดที่มาจากแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อสรุป เพราะเป็นประเด็นอ่อนไหว จะต้องรับฟังข้อมูลให้รอบด้าน เพื่อนำไปตัดสินใจในการประชุมนัดสุดท้ายของ กมธ.วิสามัญ เพราะเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนมาก โดยการประชุม กมธ.วิสามัญครั้งต่อไป มีขึ้นในวันที่ 2 พ.ค. จะได้ข้อสรุปชัดเจนเรื่องคำนิยามแรงจูงใจทางการเมือง และความผิด 25 ฐานที่มีมูลเหตุจากแรงจูงใจ จะมีเรื่องใดบ้างที่อยู่ในข่ายได้รับนิรโทษกรรม ยกเว้นความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 ที่จะต้องรอรวบรวมข้อมูลให้เกิดความชัดเจนก่อน

Advertisement

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image