‘นิกร’ จ่อถก กกต.ปมทำประชามติแก้รธน.สัปดาห์หน้า หลังเคาะปฏิทินเสร็จแล้ว เมินปรับคำถามตาม ก.ก.ร้องขอ ชี้เป็นไปตามมติครม.-นโยบายรบ.
เมื่อวันที่ 29 เมษายน นายนิกร จำนง โฆษกคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นต่างเรื่องรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการตามรายงานของคณะกรรมการฯ ว่า ทราบว่าภายในสัปดาห์หน้าสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการศึกษาการทำประชามติฯ จะเชิญคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าหารือประเด็นการเดินหน้าทำประชามติ ตามที่กฎหมายประชามติกำหนดให้ต้องหารือเพื่อกำหนดวันประชามติ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา อย่างไรก็ตาม ยังมีรายละเอียดที่ต้องหารือร่วมกัน ทั้งการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 ที่กำหนดเกณฑ์ผ่านประชามติด้วยเสียงข้างมาก 2 ชั้น ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการออกเสียงประชามติ
“เมื่อมติ ครม.เห็นชอบในหลักการให้ทำประชามติ 3 ครั้ง คือ ก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ, แก้ไขมาตรา 256 ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งแต่ละครั้งต้องใช้งบประมาณครั้งละ 3,200 ล้านบาท ดังนั้น จำเป็นต้องหารือให้รอบคอบ และรับทราบถึงแนวทางการทำงานของ กกต.รวมถึงปัญหาต่างๆ ในการปฏิบัติ ซึ่งในรายงานของกรรมการฯได้พิจารณาว่า การทำประชามติควรทำพร้อมกับการเลือกตั้งครั้งสำคัญได้หรือไม่ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากหน่วยออกเสียงใช้หน่วยเดียวกันกับเลือกตั้ง ส.ส.ได้ ซึ่งการทำประชามติรอบที่ 2 นั้นอาจจัดพร้อมกับการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ ส่วนประชามติรอบที่ 3 อาจต้องพิจารณาอีกครั้งจึงต้องหารือกับ กกต.” นายนิกรกล่าว
เมื่อถามว่า การทำประชามติรอบที่ 3 คาดว่าจะทำพร้อมกับเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งหน้าหรือไม่ นายนิกรกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย เช่น การเลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เป็นต้น แต่ต้องหารือกับ กกต.เพื่อพิจารณารายละเอียดและเพื่อประหยัดเงิน อีกทั้งเมื่อแก้รัฐธรรมนูญแล้วต้องแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่สำคัญ คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ด้วย
ต่อข้อถามว่า เมื่อยังไม่ประกาศทำประชามติอย่างเป็นทางการ จะทบทวนคำถามตามที่พรรคก้าวไกลเรียกร้องได้หรือไม่ นายนิกรกล่าวว่า คำถามนั้นเป็นมติ ครม.แล้ว ต้องเดินตามนั้น ส่วนความเห็นของพรรคก้าวไกลก็เป็นความเห็นทางการเมือง ซึ่งเคลียร์กันภายหลัง ทั้งนี้ ตัวคำถามนั้นนอกจากเป็นไปตามมติ ครม.แล้ว ยังเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาด้วย
