“ปึ้ง” โต้ “หมอวรงค์” บอก ไม่โง่พอด่วนสรุปปมจำนำข้าว ชี้ “ปู” โดยกล่าวหาปล่อยปะละเลยไม่ได้โดนกล่าวหาว่าทุจริต เตือนนายกฯระวัง อาจโดนกล่าวหาเหมือนคดีข้าว
เมื่อวันที่ 18 มกราคม นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ กล่าวว่า กรณีโครงการรับจำนำข้าวที่นายวรงค์ เดชวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมากล่าวหาและพยายามชี้นำสังคมอยู่ตลอดเวลาว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในโครงการ และเมื่อวานนี้ยังได้ออกมากล่าวหาว่า ตนได้ยอมรับว่ามีการทุจริตในโครงการจำนำข้าวแล้วนั้นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนและตนก็คงไม่โง่พอที่จะไปด่วนสรุปว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในโครงการรับจำนำข้าวเพราะขณะนี้กระบวนการพิสูจน์ความจริงยังอยู่ในขั้นตอนของศาลฯตามที่ได้มีการฟ้องร้องกัน ซึ่งก็ยังไม่มีข้อสรุปว่าเกิดการทุจริตขึ้นจริงหรือไม่ และคดีความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็เป็นการฟ้องร้องกล่าวหาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ปล่อยปละละเลยไม่ยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น
โดยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ไม่ได้ถูกข้อกล่าวหาว่าท่านทุจริตในโครงการจำนำข้าวเสียเองแต่อย่างใด ดังนั้นการที่นพ.วรงค์จะออกมาสรุปกล่าวหาว่าตนยอมรับว่าโครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตนั้นก็เป็นวิธีการเดิมๆที่มักจะมั่วนิ่มขึ้นมาเองและเป็นความคิดเห็นของนายวรงค์เองทั้งสิ้น เนื่องจากที่ผ่านมาตนได้เทียบเคียงโครงการรับจำนำข้าวกับการเข้ารับซื้อยางเพื่อพยุงราคายางของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งตนเห็นว่า การดำเนินการของโครงการจำนำข้าวกับการรับซื้อยางก็คล้ายคลึงกันมาก ถ้าหากมีแค่เพียงการออกมากล่าวหากันขึ้นมาลอยๆว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นทั้งๆที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาลฯ ตนก็เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็คงจะต้องโดนข้อกล่าวหาและจะต้องรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างเฉกเช่นเดียวกันกับที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกกล่าวหาและกำลังต่อสู้คดีความอยู่ในศาลฯขณะนี้เช่นกัน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า จึงได้ออกมาบอกกล่าวและเตือนสติให้รัฐบาลนี้ได้โปรดระมัดระวังในการดำเนินการเพื่อให้ผลประโยชน์ตกถึงมือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางโดยตรงเท่านั้นเอง เพราะไม่อยากให้มีใครมาหากินแสวงหาผลประโยชน์หรือเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องบนหยาดเหงื่อความยากลำบากของพี่น้องเกษตรกรและอยากให้ขบวนการยุติธรรมในสังคมไทยเรามีมาตรฐานเดียวกัน ไม่มีการเลือกปฎิบัติเกิดขึ้น และก็ไม่อยากให้สังคมไทยรีบด่วนสรุปว่าใครเป็นคนผิดตามข้อกล่าวหาของคนบางคนหรือคนบางกลุ่ม ทั้งๆที่ศาลฯก็ยังไม่ได้ตัดสินชี้ขาดในคดีความจนถึงที่สุด และในเมื่อยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าใครเป็นคนทุจริตแล้วจะไปเหมารวมเอาว่านายกฯต้องเป็นผู้รับผิดชอบชดใช้ทั้งหมดนั้นมันจะเป็นธรรมหรือไม่ เป็นคำถามใหญ่ที่ค้างคาอยู่ในใจตนตลอดเวลาและก็อยากให้ท่านนายกฯได้แลเห็นข้อเท็จจริงเหล่านี้เอาไว้ด้วย