ส่องเกมพรรคร่วม จัดทัพครม. ‘ผู้กอง’ เข้าวิน – ‘เสี่ยเฮ้ง’ คัมแบ๊ก
การปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) เศรษฐา 1/1 เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ตามพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง รัฐมนตรีชุดใหม่เข้าปฎิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2567
แม้หลายฝ่ายต่างจับตาอาฟเตอร์ช็อกที่ส่งผลต่อแรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่ต้องเร่งเคลียร์ใจกับ รัฐมนตรี ผู้ที่ผิดหวังพ้นเก้าอี้ และผู้ที่คาดหวังลุ้นมีชื่อนั่งรัฐมนตรี
ที่ต้องจับตาในการปรับครม.เศรษฐา 1/1 ครั้งนี้ คือ ความเคลื่อนไหวในการจัดทัพ วางขุนพล เข้าทำหน้าที่รัฐมนตรีในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล
แม้พรรคอันดับสองอย่าง “ภูมิใจไทย” จะไม่ขยับทั้ง 8 รัฐมนตรี แต่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่มีโควต้าเก้าอี้รัฐมนช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในสัดส่วนของพรรคพปชร. ว่างอยู่ใน 1 ตำแหน่ง ตั้งแต่เมื่อฟอร์มเสียงจัดตั้งครม.เศรษฐา ขอรักษาสิทธิส่งส.ส. เข้ามานั่งรัฐมนตรี
ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการจัดทัพวางคนร่วมครม. ของพรรคพปชร. ชั่วโมงนี้ คงไม่พ้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพปชร.
ส่งรายชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรีของพรรคพปชร.ให้กับ นายกฯ ถึง 4 คน คนแรก คือ ขุนพลข้างกายที่ ร.อ.ธรรมนัส พยายามผลักดันมาตั้งแต่การตั้งครม.เศรษฐา คือ ไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เขต 1
แม้จะต้องลุ้นฝ่าด่านการตรวจสอบคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของ “ไผ่ ลิกค์” แต่ ร.อ.ธรรมนัส ยังคงเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตรัฐมนตรีของพรรค เพื่อซื้อใจให้เห็นว่าพร้อมสนับสนุนขุนพลข้างกายให้ถึงที่สุด
พร้อมกันนี้ยังเสนอรายชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรี สำรองไปอีก 3 ชื่อ ได้แก่ “อรรถกร ศิริลัทธยากร” ส.ส.ฉะเชิงเทรา “อนันต์ ผลอำนวย” ส.ส.กำแพงเพชร เขต 3 และ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” อดีตรมว.ดีอี
แต่เก้าอี้รัฐมนตรีมีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อ “ไผ ลิกค์” ยังไม่เคลียร์เรื่องคุณสมบัตินั่งเป็นรัฐมนตรี สุดท้ายกลายเป็น “ส.ส.เบนซ์” อรรถกร ศิริลัทธยากร มาวินนั่งเก้าอี้ รมช.เกษตรและสหกรณ์
ซึ่งเป็นไปตามโผที่หลายฝ่ายคาดการณ์ เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุน จาก ร.อ.ธรรมนัส เฉือน “อนันต์” ที่มีแรงหนุนจาก “วราเทพ รัตนากร” ผู้อำนวยการพรรคพปชร. ในฐานะหัวหน้ากลุ่มกำแพงเพชร พร้อมกับมี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร. ออกแรงผลักดันอยู่เบื้องหลังอีกคน
ที่น่าสนใจ ด้วยคอนเน็กชั่นและบารมีทางการเมือง ของ ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะผู้กุมความเคลื่อนไหวของพรรคพปชร. เปิดหน้าเจรจากับแกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) และแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)
ที่มีโควต้า รมช.เกษตรฯอยู่ในมือ ยอมเปิดทางให้ “อรรถกร” มาเป็น รมช.เกษตรฯ ส่งผลให้ พรรคพปชร. บริหารจัดการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แบบเบ็ดเสร็จ เพียงพรรคเดียว
ส่วนตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ ของพรรครทสช. ที่ปรับ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ออกตำแหน่ง เหลือเพียง เก้าอี้ ส.ส.ชัยนาท พรรครทสช. ให้ทำหน้าที่ในสภาฯ
โดยมีชื่อของ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคฯ ในฐานะหัวหน้ากลุ่มบ้านใหม่ แห่งเมืองชลบุรี เข้ามานั่ง รัฐมนตรีช่วยในโควต้าของพรรครทสช. แต่สลับไปเป็นตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ แทนโควต้า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ของพรรครทสช. ภายหลัง “ผู้กองธรรมนัส” ปิดดีลกับแกนนำรัฐบาล ขอให้พรรคพปชร. ดูแลกระทรวงเกษตรฯ เพียงพรรคเดียว
การคัมแบ๊กนั่งเก้าอี้เสนาบดีอีกครั้ง ของ “เสี่ยเฮ้ง” หัวหน้ากลุ่มบ้านใหม่ นอกจากแรงหนุนของส.ส.ในกลุ่มที่มีถึง 13 ที่นั่ง ยังได้แรงผลักดันจากแกนนำคนสำคัญของพรรค “เลขาฯขิง” เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรครทสช. กับ “รองฯออย” พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรครทสช. ที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ “บิ๊กเนม” ผู้สนับสนุนพรรครทสช.
อีกทั้งการที่ “เสี่ยเฮ้ง” มีสไตล์การทำงานที่ถึงลูกถึงคน ตั้งแต่เมื่อครั้งนั่ง รมว.แรงงาน ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ย่อมจะช่วยผลักดันนโยบายสำคัญของพรรค ผ่านกระทรวงพาณิชย์
ช่วยสร้างผลงานให้กับพรรครทสช.ได้ ประกอบกับสัญญาใจที่เจ้าตัวประกาศไว้ว่า จะดูแลสมาชิกพรรคทุกคน เพื่อสร้างพรรครทสช.ให้เติบโตมากกว่าเดิม ผ่านการเลือกตั้งครั้งหน้า
ต้องได้ส.ส.มากกว่า 36 ที่นั่ง ส่งผลให้แกนนำและผู้มีอำนาจภายในพรรคเชื่อมือ ตัดสินใจให้ “เสี่ยเฮ้ง” คัมแบ๊กนั่งเก้าอี้ รมช.พาณิชย์ ในการปรับครม.ครั้งนี้
