09.00 INDEX ปะทะ ต่อสู้ ทาง ‘ความคิด’ ระดับ ส.ว. ระดับ ‘ท้องถิ่น’
เหตุผลที่นายกอบจ.เครือข่ายลุ่มน้ำลาออกก่อนหมดวาระ ดำเนินไปบนพื้นฐานทางการเมืองอย่างเด่นชัด ทั้งการเมืองเนื่องแต่ข้อกำหนดของกฎหมาย ทั้งการเมืองเนื่องแต่แนวโน้มใหม่
ในเบื้องต้นอาจเห็นได้จากนายกอบจ.ปทุมธานี ต่อไปก็จะเป็นนายกอบจ.นครสวรรค์ อ่างทอง สิงห์บุรี
ข้ออ้างอาจมาจากข้อจำกัดของกฎหมายที่กำหนดว่าภายใน 180 วันก่อนครบวาระไม่ให้เสนอและดำเนินโครงการอะไร อันอาจ เป็นเงื่อนไขสร้างความได้เปรียบในทางการเมือง
นี่ย่อมเป็นกฎหมายที่มาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อันเป็นผลผลิตจากรัฐประหาร ไม่ว่าเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
ความน่าสนใจก็คือ ไม่ว่าเมื่อมองผ่านสภาพที่ดำรงอยู่ภายในกระบวนการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ไม่ว่าเมื่อมองผ่านข้อถกเถียงอันเนื่องแต่กฎหมายการเลือกสมาชิกวุฒิสภา
ปัญหาและความยุ่งยากที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ล้วนมาจากรากฐานเดียวกัน นั่นก็คือ รากฐานแห่งรัฐประหาร ทั้งเมื่อเดือนกัน ยายน 2549 และเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ชุมชนการเมืองไทยจึงเผชิญกับ ”มรดก” การเมืองเดียวกัน
เบื้องหน้าปัญหาอันดำรงอยู่ภายในโครงสร้างการบริหารในระดับ ท้องถิ่น เบื้องหน้าปัญหาอันดำรงอยู่ภายในกระบวนการการได้มา ของสมาชิกวุฒิสภาแต่ละคน แต่ละกลุ่ม มองและกำหนดท่าทีในแต่ละปัญหาแตกต่างกันตามภูมิหลังทางการเมืองของแต่ละฝ่าย สะท้อนให้เห็นการเมือง ”เก่า” สะท้อนให้เห็นการเมือง ”ใหม่”
การชิงลาออกของนายกอบจ.แต่ละจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง สะท้อนให้เห็นถึงการชิงความได้เปรียบอย่างน้อยที่สุดก็มีส่วนกำหนดวาระในการเลือกตั้งบนฐานแห่งการตระเตรียมเป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน ความนิ่งเงียบของกลุ่มการเมืองต่อภาวะความปั่นป่วนก่อนการได้มาซึ่ง 200 สมาชิกวุฒิสภา ก็มิได้หมายถึงการ ยอมรับอย่างยอมจำนนหากแต่เป็นการต่อสู้ในอีกรูปแบบหนึ่ง
ในที่สุดแล้วทั้งพื้นที่การเลือกระดับท้องถิ่น ทั้งพื้นที่การาเลือกสมาชิกวุฒิสภาล้วนสะท้อนภาพใหญ่ในทางการเมือง
ถามว่าความได้เปรียบของแต่ละนักการเมืองของแต่ละกลุ่มทางการเมืองจะใช้อะไรเป็นเครื่องมือในการวัด
นั่นก็คือ ความพร้อมในด้านทรัพยากรที่มีอยู่ในครอบครอง ทั้งทรัพยากรในทางความคิด ทั้งทรัพยากรในทางวัตถุอันหมายถึงกำลังทรัพย์ กำลังบุคคล เพียงแต่ว่าจะให้น้ำหนักไปทาง ด้านใดมากกว่า
ในที่สุดแล้วก็วัดจาก ”กระแส” และ ”กระสุน” ผ่านคะแนนและความนิยมแห่งกระบวนการเลือกและการเลือกตั้ง