นายกฯ ลุยสารคาม ตามประเด็นยาเสพติด-หนี้นอกระบบ ฟันให้เด็ดขาด ยึดปชช.เป็นใหญ่

นายกฯ ลุยสารคาม ตามประเด็นยาเสพติด-หนี้นอกระบบ ฟันให้เด็ดขาด ยึดปชช.เป็นใหญ่

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 พฤษภาคม ที่ท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อม นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม และนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ไปยังท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ตำบลร่อนทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เพื่อลงพื้นตรวจราชการ จ.มหาสารคาม และ จ.ร้อยเอ็ด ระหว่างวันที่ 5-6 พฤษภาคมนี้

โดยภารกิจจุดแรกเวลา 11.00 น. นายเศรษฐาเดินทางถึงหอประชุมที่ว่าการอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย โดยใช้รถโตโยต้า อัลฟาร์ด สีดำ ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร เพื่อติดตามประเด็นยาเสพติด และหนี้นอกระบบ พร้อม น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคมฯ ร่วมคณะ โดยมี นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผวจ.มหาสารคาม หัวหน้าส่วนราชการ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 รวมถึงข้าราชการการเมือง นายลัทธชัย โชคชัยวัฒนากร ส.ส.มหาสารคาม พรรคภูมิใจไทย ประชาชนในพื้นที่ รอต้อนรับ โดยทันทีที่มาถึงกลุ่มแม่บ้านพยัคฆภูมิพิสัย ผูกผ้าขาวม้า ต้อนรับ

มีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะเจ้าของพื้นที่ พร้อมด้วย ส.ส.มหาสารคาม ให้การต้อนรับ ประกอบด้วย นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ พรรคเพื่อไทย เขต 1 นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ พรรคเพื่อไทย เขต 2 นายลัทธชัย โชคชัยวัฒนาการ พรรคภูมิใจไทย เขต 3 นายสรรพภัญญู ศิริไปล์ พรรคเพื่อไทย เขต 4 นายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ พรรคเพื่อไทย เขต 5 และนายรัฐ คลังแสง พรรคเพื่อไทย เขต 6

Advertisement

จากนั้นนายกฯ รับฟังบรรยายสรุปการแก้ปัญหายาเสพติด สถานการณ์ภัยแล้ง และปัญหาหนี้นอกระบบ โดย นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวรายงานว่า จังหวัดมหาสารคาม ถือเป็นสะดืออีสาน มีประชากร 937,000 คน มีผลิตภัณฑ์มวลรวมปีละ 67,000 ล้านบาทเศษ รายได้ประชากรต่อหัว ต่อคน ต่อปี 88,000 บาทเศษ เป็นลำดับที่ 8 ของภาคอีสานและเป็นลำดับที่ 57 ของประเทศ มีพื้นที่ทางการเกษตรรวม 2,420,000 ไร่ คิดเป็น 73% ของพื้นที่ จังหวัดมีพื้นที่ในเขตชลประทานเพียง 580,000 ไร่ หรือร้อยละ 24 ของพื้นที่ทำการเกษตร พืชเศรษฐกิจหลักสำคัญคือข้าวนาปี มันสำปะหลัง และอ้อยโรงงาน โดยใช้น้ำฝนเป็นหลัก

นายวิบูรณ์กล่าวว่า ส่วนการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดมหาสารคามดำเนินตามยุทธศาสตร์ภาครัฐ โดยจัดทำยุทธการ เมืองปลอดภัยจากยาเสพติดครอบคลุมทุกกระบวนการ ตั้งแต่เรื่องการเฝ้าระวังการแพร่กระจายยาเสพติด เอกซเรย์ทุกหมู่บ้านชุมชน ผ่านกลไกกวาดบ้านล้างบ้านทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ ได้ดำเนินการสกัดกั้นยาเสพติดที่อยู่แนวชายแดน ที่จะใช้จังหวัดมหาสารคามเป็นทางผ่านส่งต่อที่อื่น ส่วนการแก้ไขหนี้นอกระบบขณะนี้ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเจรจาไปทั้งหมดแล้ว 77% และกลางเดือนนี้จะทำได้ครบถ้วน 100%

จากนั้นนายเศรษฐากล่าวมอบนโยบายว่า วันนี้ได้มีการลงพื้นที่และมีการนำรัฐมนตรีมาด้วย เพื่อต้องการดูปัญหาจริงๆของจังหวัดมหาสารคามหากดูจากตัวเลขแล้วยังน่าเป็นห่วง เพราะรายได้ต่อหัวของประชากรยังต่ำอยู่เป็นลำดับที่ 57 ของประเทศ ซึ่งถือว่าต่ำอยู่มาก เรายังต้องพึ่งภาคเกษตรค่อนข้างเยอะ และภาคเกษตรจะดีได้ต้องมีน้ำซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการบริหารจัดการ ซึ่งตัวเลขชัดเจนผู้ว่าราชการจังหวัดบอกปริมาณน้ำฝนที่เกิดจากธรรมชาติยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนในแง่การทำการเกษตร จึงได้มีการพูดคุยกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมป้องกันสาธารณภัย ให้ดูแลเรื่องน้ำ ขนส่งน้ำบริการประชาชน ซ่อมบำรุงการประปาให้กับประชาชน เพื่อให้มีน้ำกินน้ำใช้

Advertisement

นอกจากนี้จะต้องมีการพูดคุยกับทางกองทัพโดยทหารราชพัฒนาให้มีการมาดูแลในแง่ของรถบรรทุกน้ำของทหารที่มีทั่วประเทศให้ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรดูแลเรื่องน้ำให้เพียงพอในทุกมิติ

นายเศรษฐากล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องปัญหาหนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่หยั่งลึกในสังคมไทย ทำงานเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้หนี้ ตัวเลขที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนำเสนอ ยอดมูลค่าหนี้ 300 ล้าน จริงๆต้องยอมรับว่ายังต่ำอยู่ จำนวนลูกหนี้และเจ้าหนี้ที่เข้ามาลงทะเบียนในระบบมีประมาณไม่ถึง 3,000 คน เราต้องยอมรับก่อน ถึงแม้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ข้าราชการในอำเภอ เราทำงานกันอย่างหนักเพื่อที่จะนำทุกคนเข้าสู่ระบบให้มีการไกล่เกลี่ยลูกหนี้ให้ได้ ซึ่งต้องยอมรับแม้จะทำงานหนัก

อย่างไรก็ตามทีตัวเลขยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งทราบดีตัวเลขที่มีทั้งระบบ หนี้นอกระบบ มีเป็นแสนล้าน แต่ก็ขอให้กำลังใจและช่วยกันทำงานให้หนักขึ้น พยายามสนับสนุนให้ลูกหนี้เข้ามาแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้น ฝ่ายความมั่นคง ต้องดูแลเรื่องผู้มีอิทธิพลต่างๆ ที่ข่มขู่ไม่ยอมเข้าสู่ระบบ เพราะเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งจริงๆแล้วต้องยอมรับว่าปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้น ปัญหายาเสพติด จริงๆแล้วส่วนหนึ่งอาจเป็นส่วนใหญ่เลยก็ได้ เกิดขึ้นจากการที่พี่น้องของเราพยายามทำงานเหน็ดเหนื่อย หาเงินมาเลี้ยงชีพทำเท่าไหร่ก็ไม่พอใช้ดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรมและผิดกฎหมาย หากเราแก้ที่รากฐานของปัญหาหนี้นอกระบบได้ ปัญหาต่างๆ ก็จะลดน้อยลง

นายเศรษฐากล่าวว่า และปัญหาใหญ่ที่เรามาดูแลในวันนี้คือปัญหายาเสพติด ปฏิเสธไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ของภาคอีสาน ตนเรียนไปแล้วเรื่องใหญ่เกิดจากการทำงานใช้หนี้ไม่เพียงพอ การบังคับใช้กฎหมายตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญและมาจัดการกัน วันนี้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มาด้วย แม่ทัพภาคและผู้บังคับการภาค 4 เรามากันครบ

“จึงอยากให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญเรื่องนี้ ดูแลประชาชนให้เหมาะสม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม จัดทำบัญชีผู้ค้ายาเสพติดแบ่งเป็นขนาดใหญ่กลาง เล็ก ระบุกำหนดกรอบการปราบปราม ต้องไม่เกิน 90 วันตั้งแต่วันนี้ และให้ถือว่าผู้ที่มียาเสพติดในครอบครองถือว่าผิดกฎหมาย แต่ต้องมีการแบ่งแยกระหว่างผู้เสพและผู้ค้า และให้รายงานต่อสำนักนายกรัฐมนตรีทุกเดือน ขณะที่ของกลางจะต้องเร่งทำลายเผา อย่าให้มีการเคลื่อนย้าย ทุกอย่างต้องโปร่งใสถูกต้อง และขอให้มีการตั้งศูนย์บำบัดทุกหน่วยราชการที่สามารถทำได้ เช่น ค่ายทหาร โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้ามาร่วมดูแล ขณะเดียวกันตำรวจ ทหาร องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นต้องทำงานอย่างบูรณาการ โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เข้ามาช่วยกันปราบปรามดูแล และขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ปกครอง เข้ามาดูแลระเบียบการจัดการเรื่องความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขด้วย ขอให้เราเคร่งครัดปฏิบัติและคำนึงถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเพราะเรื่องยาเสพติดถือเป็นเรื่องใหญ่” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวว่า ขบวนการยึดทรัพย์ต้องทำให้เร็ว สกัดตามชายแดนไม่ให้มียาเสพติดรั่วเข้ามา จัดการกับผู้ค้ายาอย่างเด็ดขาด เรื่องของการเอาชุมชนเข้ามามีส่วนแก้ไขปัญหา ดึงหมู่บ้านเข้ามามีส่วนร่วมร่วมกันบูรณาการทุกคนต้องช่วยกัน ขอย้ำอีกครั้งถนนนี้อีกไกลเชื่อว่าเรามีแผนงานที่ชัดเจน แต่ปัญหาก็ยังอยู่ ราคายาบ้าก็ยังไม่ขึ้น และยังมีมาก เราต้องทำงานกันให้หนักมากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image