เศรษฐา เคลียร์ชัด แค่เห็นต่าง ไม่คิดปลดผู้ว่าธปท. มึนข่าวแก้กม.แบงก์ชาติ
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างการลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ถึงกรณีสังคมมองว่าความเห็นขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจเป็นอุปสรรคต่อการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตว่า ไม่เคยบอกว่าเป็นอุปสรรคของเงินดิจิทัล หากมีข้อสงสัยมีหน้าที่อธิบาย ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหา ส่วนที่มีความเห็นต่างกันได้ชี้แจงไปชัดเจนแล้ว ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่ารัฐบาลมีแนวคิดจะแก้ พ.ร.บ.เกี่ยวกับอำนาจของผู้ว่าการ ธปท. นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ได้มีแนวคิดและไม่เคยพูดเลย เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังต้องไปดูแล ประเด็นตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าการ ธปท. รัฐบาล หรือสภาผู้แทนราษฎร มาอยู่ด้วยกัน เพราะต้องดูแลประชาชนเรื่องนี้สำคัญสุด ส่วนการแก้ไขกฎหมายต้องมีการส่งเรื่องมาจากกระทรวงการคลัง แต่เวลานี้ยังไม่เห็นส่งขึ้นมา เมื่อถามว่า มีแนวคิดจะแก้ไขกฎหมายลดอำนาจความเป็นอิสระของ ธปท.หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ผมไม่เคยพูด แต่อนาคตผมไม่ทราบ ต้องถามนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อถามว่า มีข่าวว่าจะมีการเสนอแก้กฎหมายยิ่งเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลต้องการลดอำนาจผู้ว่าการ ธปท. นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องไปถามต้นตอของข่าว วันนี้ตนไม่ได้พูด
เมื่อถามว่า นายกฯ บอกว่าไม่เคยมีความขัดแย้งแต่ภาพที่ออกมาสื่อถึงความขัดแย้งระหว่างกัน นายกฯ กล่าวว่า อย่าดูที่ภาพ ดูเนื้องานดีกว่า อย่างที่บอกตนไม่ปฏิเสธเรื่องดอกเบี้ยเพราะคิดว่าดอกเบี้ยสูงควรจะลด แต่ทางผู้ว่าการ ธปท.บอกไม่สูงไม่ควรลด ใช่หรือไม่ ก็ชัดเจนแล้ว จึงต้องไปหาวิธีการอื่นจะบรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชน โดยเชิญ 4 ธนาคารมาพูดคุย
“ผมไม่เคยไปมีประเด็นอะไรกับท่านเลย เชิญธนาคารในกำกับอยู่แล้ว ลดไปประมาณ 0.25% ผมได้ขอบคุณไปและเดินหน้าบรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชนต่อไป ไม่ได้มีการไปต่อว่าอะไรทางผู้ว่าการ ธปท.” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า ภาพออกมาเหมือนกดดันให้ผู้ว่าการ ธปท.ลาออก นายกฯ กล่าวว่า ผมไม่เคยพูดให้ผู้ว่าการ ธปท.ลาออก รวมถึงเรื่องการปลด ด้วยความเคารพ ถ้าท่านผู้ว่าการ ธปท.ฟังอยู่ ผมไม่เคยกดดันและไม่เคยพูดด้วย ผมกดดันผมอาจจะมีการพูดคุยถึงเรื่องเนื้องานเป็นหลัก ผมเป็นผู้นำรัฐบาลพูดมาแค่นี้โดยตลอด
เมื่อถามว่า จะต้องเรียกผู้ว่าการ ธปท.เข้ามาพูดคุยอย่างจริงจังเพื่อลดปัญหาต่างคนต่างพูด นายกฯ กล่าวว่า ตนว่าไม่ได้ต่างคนต่างพูด ตนยึดโยงกับพี่น้องประชาชนอย่างเดียว ผู้ว่าการ ธปท.พูดเองมีอะไรสื่อสารก็สื่อสารผ่านกระทรวงการคลัง ขอใช้ว่าให้เป็นไปตามระบบแล้วกัน และตนจะติดตามผ่านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งได้สั่งการไปแล้ว เมื่อถามว่า ช่วงแรกนายกฯกับผู้ว่าการ ธปท.ยกหูคุยกัน นายกฯ กล่าวว่า ผู้ว่าการ ธปท.บอกชัดเจนแล้วว่าไม่อยากให้สื่อสารโดยตรงกับท่าน ให้ผ่านกระทรวงการคลัง ก็ทำตามที่บอกมา เมื่อท่านถามมาว่าดอกเบี้ยสูงไหม ก็บอกว่าดอกเบี้ยสูงก็เท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นคู่กรณีกับผู้ว่าการ ธปท. คู่กรณีของตนคือความยากจนของพี่น้องประชาชน เมื่อถามว่า ถ้าพูดประโยคหนึ่งถึงผู้ว่าการ ธปท.อยากจะพูดอะไร นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ครับ ผมว่าไม่มี พูดชัดเจนแล้ว สิ่งที่เราเห็นด้วยไม่เห็นด้วย อย่าว่าแต่ผู้ว่าการ ธปท. คนในรัฐบาลเอง คนในพรรคเอง เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทุกคน นโยบายต่างๆ มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เป็นผู้ใหญ่แล้วก็พูดคุยกันไป อย่าให้มีวาทกรรมว่าจะปลดจะอะไรมันไม่ใช่ ไม่ได้อยู่ในความคิดของผมเลย แม้กระทั่งนิดเดียว อยู่ด้วยกันเป็นผู้ใหญ่ มีความประสงค์ดีกับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นความเห็นต่างก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว เชื่อว่าทุกคนมาทำงานเพื่อประชาชน อย่าไปเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาดีกว่า เรื่องความขัดแย้งไม่อยากให้มีเกิดขึ้น
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรกับกระแสโซเชียลมีเดียที่ติดแฮชแท็ก #saveผู้ว่าแบงก์ชาติ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่มีคอมเมนต์ เพราะมองว่าผู้ว่าการ ธปท.ไม่มีอะไรที่จะต้องถูกเซฟ ท่านมาถูกต้องและมีหน้าที่ก็ทำงานไป หลายอย่างที่ทำตนเห็นด้วยเหมือนกัน และหลายอย่างที่ตนทำเชื่อว่าผู้ว่าการ ธปท.ก็เห็นด้วย และหลายอย่างอาจจะไม่เห็นด้วย แต่เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันแล้ว อย่างน้อยทำเพื่อประชาชน ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไปขัดแย้งกับใคร ไม่มีข้อคิดเห็นที่ว่าจะต้องเซฟและคิดว่าผู้ว่าการไม่ต้องการการเซฟเพราะไม่มีใครจะไปปลด ไม่มีใครพูด รัฐมนตรีคนใหม่ก็ไม่ได้พูด เพียงแต่เราอาจไม่เห็นตรงกันในบางเรื่องหรือไม่ และถูกไปแปล พยายามยกระดับขึ้นไปให้เกิดความขัดแย้ง ยืนยันว่าในที่สาธารณะหรือส่วนตัวตนพูดแบบนี้ คือเรื่องดอกเบี้ยเรื่องเดียว ไม่ได้พูดเรื่องการกำกับดูแลแบงก์ หรือหนี้เสีย ไม่ได้พูด เพราะดูหนี้เสียให้มีอัตราที่ดีแล้ว เมื่อเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว เรื่องที่ดีถูกต้องไม่ต้องชมกัน ต่างทำในสิ่งที่ดีไปและมั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ในหลายเรื่อง เช่น การลงพื้นที่ใน 2 วันที่ผ่านมาเป็นประโยชน์ต่อประชาชน