เศรษฐา 1/1 ถ่ายรูปก่อนถก ครม.นัดแรก ฝนตก ต้องถ่ายในตึก นายกฯชี้ไม่กำหนด KPI รมต.ใหม่

ทำเนียบคึกคัก รัฐบาลเศรษฐา 1/1 ถ่ายรูปก่อนประชุม ครม.นัดแรก ภายหลังปรับ ครม. ฝนตกต้อนรับ ครม.ใหม่ ย้ายเวทีถ่ายรูปหน้าตึกไทย มาถ่ายรูปภายในโถงกลางตึกสันติไมตรีแทน ด้านเศรษฐา​ไม่ขอกำหนดกรอบเวลา​ ตั้ง KPI รัฐมนตรี​ตรีใหม่​ บอก​ช้า-เร็วขึ้นอยู่กับงาน ส่วนเปลี่ยนถ่ายงานคุย รมต.เก่าหรือไม่​ ขึ้นอยู่กับเจ้าตัว​ มั่นใจ​ ‘พิชัย​’ สางปัญหา​ คุย ‘ผู้ว่าธปท.’ ทำขัดแย้งลดลง​ ชี้​โพลสะท้อยการทำงานรัฐบาล​ ลั่น​ ยังไม่ถึง​ 10 ก็ต้องทำต่อ

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา 1/1 ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งถือเป็นนัดแรกภายหลังมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีความคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า สำหรับรัฐมนตรีที่เดินทางมาถึงคนแรกคือ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เดินทางมาถึงเมื่อเวลา 07.40 น. ตามมาด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากนั้นรัฐมนตรีใหม่ทยอยกันเดินทางมา

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าก่อนจะถึงกำหนดถ่ายรูปเดิมในเวลา 09.30 น. ได้เกิดฝนตกลงมา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนและย้ายสถานที่ถ่ายรูปมาที่ห้องโถงกลางตึกสันติไมตรีแทน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกเช่นกันในการถ่ายรูปรัฐมนตรีใหม่ที่ตึกสันติไมตรีก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าที่

Advertisement

ขณะที่ นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาลในเวลา​ 08.25 น.​ หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินลงมาบริเวณสนามหญ้า ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อตรวจความพร้อมในการถ่ายรูปหมู่ของคณะรัฐมนตรี พร้อมเร่งรัดอยากให้มีการถ่ายรูปเร็วขึ้นเนื่องจากเกรงว่าฝนจะตก พร้อมกล่าวว่า หากรัฐมนตรีมาพร้อมแล้วขอให้มาถ่ายรูปเลย ไม่ต้องรอเวลา แต่เนื่องจากกำหนดนัดเวลาเดิมคือ 09.30 น. ทำให้ยังมีคณะรัฐมนตรีมาไม่ครบ และฝนเริ่มตกลงมาจึงได้มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่และนายกรัฐมนตรีได้ขึ้นไปรอบนตึกไทยคู่ฟ้า

ผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีถึงการแบ่งงานของรัฐมนตรีกระทรวง​ต่างๆ นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องให้เกียรติรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างๆ ว่าจะแบ่งกันอย่างไร ส่วนในตำแหน่งของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้มีการแบ่งงานเรียบร้อยแล้ว 95% ซึ่งบางกระทรวงอาจต้องมีการพูดคุยกับรัฐมนตรีคนเก่า ถ้ายังมีงานค้าง เพราะการดูแลประชาชนก็ต้องให้เขาช่วยเหลือ​ พร้อมย้ำว่า การแบ่งงานในส่วนของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตนได้บอกไปแล้ว แต่ยังมีบางเรื่องที่ยังทับซ้อนกันอยู่บ้าง ซึ่งก็ต้องมาพูดคุยกัน ส่วนจำเป็นต้องพูดคุยกับรัฐมนตรีคนเก่าหรือไม่ แล้วแต่ หากท่านสะดวก หรือจะพูดคุยกับปลัดกระทรวงก็ได้ ตนไม่อยากให้เป็นบรรทัดฐานในการทำงาน บางครั้งก็มีโครงการค้างอยู่ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไรก็ต้องทำต่อไป

เมื่อถามว่า นายกฯโฟกัสนโยบายเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่มี เราทำทุกเรื่องตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา อันนี้เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญมาก

Advertisement

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี​ยึดการแบ่งงานจากอะไร นายเศรษฐากล่าวว่า ดูความเหมาะสมและความสามารถ ของแต่ละบุคคลด้วย

เมื่อถามว่า ปรับ ครม.แล้วจะทำให้การทำงานขับเคลื่อนไปได้ด้วยดีหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นั่นคือจุดมุ่งหมายหลัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนเก่าจะขับเคลื่อนไม่ได้ แต่ตนเคยเรียนแล้วว่าในช่วงเวลาที่มันเปลี่ยน 8-9 เดือนที่ผ่านมา มันก็มีความต้องการในภาคส่วนที่ต่างออกไป เมื่อต้องมีการเสริมงานกับฝ่ายนิติบัญญัติก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนไป

เมื่อถามว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นมากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี​กล่าวว่า ตนว่าความเชื่อมั่นมากับผลงาน​ การพูดจาอะไรมันก็เป็นส่วนหนึ่ง เหมือนกับการให้ความคาดหวัง แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลงาน อยากจะขอความยุติธรรมด้วยว่าหลายๆ นโยบายต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน หรือการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน รวมไปถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพ​ เชื่อว่าเรื่องเหล่านี้น่าจะได้เริ่มต้น

เมื่อถามถึงกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเตรียมหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คิดว่าทุกๆ ความเคลื่อนไหวทำให้ลดความขัดแย้ง เป็นเรื่องที่เหมาะสมและเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ

เมื่อถามว่า เชื่อมั่นนายพิชัย รองนายกฯหรือไม่ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหา ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถตอบสนองนโยบายของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนมั่นใจ เพราะอย่างน้อยสองฝ่ายมีความพยายาม ก็เป็นเรื่องที่ดี

เมื่อถามว่า มีการสำรวจความเห็นของประชาชน 7 เดือนที่ทำงานมา ได้ 6-7 คะแนน ปรับ ครม.แล้วจะได้คะแนนเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี​กล่าวว่า การให้คะแนนเป็นเสียงสะท้อนอย่างหนึ่ง การมาอยู่ตรงนี้เป็นหน้าที่ที่ต้องรับฟังเสียงสะท้อน ไม่ว่าจะได้คะแนนเท่าใด อย่างไรมันก็ไม่เต็มสิบ ดังนั้น เราก็มีความพยายามทำงานต่อไป จะต้องมานั่งดูว่าส่วนใดที่ทำได้ไม่ดี แต่หากสิ่งไหนที่พยายามแล้ว แต่ยังติดขัด ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับคณะทำงานด้วย​

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า​ การทำงานกับข้าราชการไม่มีปัญหา และคิดว่าข้าราชการเป็นส่วนหนึ่ง และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ โดยจะต้องมีการพูดคุยกันและเน้นเนื้องานเป็นหลัก แต่ปัญหาวันนี้มันอยู่ที่ว่า ปัญหาใหญ่เหลือเกิน อันนี้คือปัญหามากกว่า เพราะหากปัญหาใหญ่มากๆ ก็ต้องใช้ทุกภาคส่วน

เมื่อถามว่า จะต้องมีการกำหนด KPI รัฐมนตรีใหม่หรือไม่ว่าผลงานต้องเห็นชัดภายในกี่เดือน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า​ ต้องมีการพูดคุยกัน บางเรื่องต้องให้เสร็จเมื่อไหร่ บางเรื่องเราก็อาจจะพูดถึงสิ่งที่เราอยากเห็น เงื่อนงำของเวลา บางครั้งก็มีตัวแปรอื่นที่มันไม่สามารถควบคุมได้ แต่ KPI พวกนี้เราก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด

เมื่อถามต่อว่า จะมีการกำหนด KPI ในระยะเวลา 6-7 เดือนเหมือนเดิมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี​กล่าวว่า​ ไม่เกี่ยว บางเรื่องหากต้องจบภายใน 2 สัปดาห์ก็ต้องจบ บางเรื่องต้องใช้เวลา 2-3 ปีก็มี แล้วแต่ เพราะหลายเรื่องมันต้องใช้เวลา เช่น เรื่องการลงทุนต้องประสานงานกับทุกฝ่าย แต่ตนมั่นใจว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทุกคนจะให้ความสำคัญกับปัญหาของประชาชนหลังเป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำวันอังคารที่ 7 พ.ค.มีวาระเพื่อพิจารณา 16 เรื่อง วาระเพื่อทราบไม่มีข้อทักท้วง 15 เรื่อง วาระเพื่อทราบเป็นข้อมูล 4 เรื่อง และวาระเพื่อทราบ 6 เรื่อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image