ปชป. ขู่ รัฐบาลขึ้นค่าแรงตามอำเภอใจ ไม่สนกฎหมาย เจอกันแน่ที่ป.ป.ช.

‘ราเมศ’ เตือน รัฐบาลขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ถูกกฎหมาย อย่าทำตามอำเภอใจ ขู่เจอกันที่ป.ป.ช.แน่

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนโยบายค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศว่า รัฐบาลประกาศชัดเจนว่ามีนโยบายปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศโดยจะให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคม 67 ซึ่งก็ต้องมาดูรายละเอียดอยู่มากพอสมควร เราเข้าใจทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องอยู่ร่วมกัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เมื่อจะมีการปรับขึ้นค่าแรง การปรับค่าจ้างขั้นต่ำ กฎหมายจึงมีเจตนารมณ์ที่กำหนดกลไก ให้มีคณะกรรมการค่าจ้าง หรือที่เรียกว่าไตรภาคี จะมีภาครัฐ ผู้แทนนายจ้าง ผู้แทนลูกจ้าง ผู้แทนรัฐบาล ต้องพูดคุยกันเพื่อพิจารณา อัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับอยู่ โดยคำนึงถึงดัชนีค่าครองชีพ มาตรฐานการครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิต ราคาของสินค้าและบริการ ความสามารถของธุรกิจ ผลิตภาพแรงงานผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และข้อเท็จจริงอื่นๆ นำมาร่วมในการพิจารณา เพื่อนำไปสู่การพิจารณาขึ้นค่าแรง

นายราเมศกล่าวต่อว่า ขอย้ำว่าสนับสนุนให้รัฐบาลพิจารณานโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี ให้เป็นไปตามมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน ตามที่คณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ได้พิจารณาแล้ว แต่เรื่องนี้ควรต้องแยกการพิจารณาออกไปในแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด เพราะข้อเท็จจริงการขึ้นค่าแรงไม่เหมือนกันทั้งหมด เมื่อได้ความเหมาะสมแล้วก็จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) นี่คือขั้นตอนที่ต้องเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและกลไกการพิจารณา

Advertisement

“พรรคการเมืองและรัฐบาลจะพิจารณาเรื่องนี้ตามอำเภอใจไม่ได้ แม้แต่การกำหนดเป็นนโยบายพรรคการเมืองที่ประกาศว่าจะขึ้นค่าแรงเท่านั้นเท่านี้ ตนอยากถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าเป็นนโยบายที่ทำได้จริงถูกต้องตามกฎหมายแล้วหรือไม่” นายราเมศกล่าว

นายราเมศกล่าวว่า สิ่งที่น่าห่วงคือรัฐบาลบริหารราชการโดยไม่สนใจหลักเกณฑ์กฎหมาย รัฐบาลประกาศล่วงหน้าแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ผ่านขั้นตอนตามกฎหมายกำหนด ประชาชนก็สับสน สุดท้ายถ้าไปคนละทางกับไตรภาคี ใครจะรับผิดชอบ รัฐบาลก็โยนบาปให้คนอื่นอีก อย่าทำการเมืองแบบเอาแต่ตัวเองได้ ควรคิดให้ละเอียดรอบคอบก่อน คิดให้ครบ

“รัฐบาลต้องคิดควบคู่กันไปคือเรื่องสร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ก็จะเพิ่มมูลค่าทั้งฝั่งนายจ้างและลูกจ้าง เพราะสุดท้ายเรื่องนี้ถ้ารัฐบาลยังคิดจะทำโดยไม่สนใจไยดีต่อกฎหมาย ป้ายหน้าก็เจอกันที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป” นายราเมศกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image