เศรษฐา ยกฝรั่งเศสแม่แบบพลังงานสะอาด ปลื้ม ‘มาครง’ ชวนเข้ากรุ๊ปแชตร่วม ‘ฮุน มาเนต’ ไว้หารือ

‘เศรษฐา’ เผยเยือนฝรั่งเศสเวลาน้อยแต่คุ้ม บอก ‘มาครง’ พร้อมหนุนสานต่อสัญญา การค้า-ท่องเที่ยว-EV-พลังงานสะอาด ช่วยอัพเกรดกองทัพไทยภายใน 10 ปี ยกฝรั่งเศสเป็นแม่แบบพลังงานสะอาดนำใช้ในไทย ปลื้มสตรีหมายเลข 1 สวมชุดแดงทักทาย แย้มแลกเบอร์โทรพร้อมตั้งกรุ๊ป Whatapp ร่วม ‘ฮุน มาเนต’ ไว้หารือ

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปารีส ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง) ที่ท่าอากาศยานปารีส-ออร์ลี กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพบปะหารือและเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันกับ นายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ว่าจากการพบปะกันเมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา มีการนำภาคธุรกิจมาพบปะสานสัมพันธ์อย่างต่อ เนื่อง วันนี้ก็มาตามสัญญาที่บอกว่าจะมาเป็นประธานการพูดคุยและอัพเดตกันว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งมีการพูดคุยกันหลายเรื่อง ทั้งการค้าระหว่างประเทศ รวมถึง FTA ซึ่งอาจมีความซับซ้อนในหลายด้าน ผู้แทนการค้าไทยจึงขอให้ดำเนินการทีละส่วน โดยเฉพาะรถอีวีที่จะส่งเข้ามา ท่านก็เห็นด้วย

นายเศรษฐากล่าวว่า ส่วนการทำวีซ่าฟรีเชงเก้นก็ได้มีการพูดคุยกัน และยืนยันให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้พ้นการเลือกตั้งสภายุโรปในเดือนมิถุนายนนี้ก็จะดำเนินการต่อไป จึงขอเป็นเดือนสิงหาคมที่จะมีการพิจารณาต่อ แต่ยืนยันว่าสนับสนุน รวมถึงการท่องเที่ยวก็มีการพูดคุยกันว่าอาจต้องมีการเพิ่มเที่ยวบิน แต่วันนี้ยังไม่ free-covid

Advertisement

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในเรื่องของพลังงานสะอาดฝรั่งเศสมีพลังงานสะอาดเยอะมาก เราอยากให้ฝรั่งเศสเป็นแม่แบบที่จะพัฒนาพลังงานสะอาดของเรา คงจะได้มีการพูดคุยกัน และในการประชุม Forum ครั้งต่อไปในเดือนกันยายนที่ประเทศไทย เขาจะนำผู้เชี่ยวชาญด้าน Energy มาร่วม ซึ่งปัจจุบันนี้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย ราคาถูกและสะอาดที่สุด ส่วน MOU ในวันนี้เกี่ยวกับข้อแลกเปลี่ยนของกระทรวงกลาโหม ซึ่งฝรั่งเศสมีอะไรที่จะสนับสนุนเราในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถถัง โดรน ไซเบอร์ และการป้องกันทั้งหลายที่อยากจะทำร่วมกับเรา ซึ่งวันนี้ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ก็มาร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันด้วย

“มีการพูดคุยในแง่ภาพรวมภาพใหญ่ โดยมีการวางแผนเรื่องการอัพเกรดของกองทัพในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า ซึ่งฝรั่งเศสมีอะไรที่จะออฟเฟอร์เราบ้าง ก็จะมีการนำทีมงานของเขาไปที่ประเทศไทย อาจรวมไปถึงการฝึกซ้อมรบด้วย และจะได้เห็นว่าเขาสามารถช่วยอะไรกองทัพไทยได้บ้าง” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวว่า ช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ก่อนที่จะพบกับประธานาธิบดีมาครง ได้มีโอกาสไปเปิดงาน Thailand-France Business Forum มีการพูดคุยหลายด้าน ทั้งเรื่องการผลิตเชื้อเพลิงพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน (SAF) ที่ใช้ในเครื่องบิน ซึ่งถือเป็นเรื่องสําคัญที่เราจะทํากัน มีการพูดคุยกันหลายวงที่จะมีการยกระดับความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่าง 2 ประเทศ เนื่องจากในครั้งนี้มีนักธุรกิจใหญ่เข้ามาจำนวนมาก ถือว่าได้ประโยชน์อย่างมากสําหรับการมาเพียงครึ่งวัน

Advertisement

นายเศรษฐากล่าวด้วยว่า ช่วงการรับประทานอาหารกลางวันกับประธานาธิบดีมาครง ร่วมกับประธาน ปตท. ประธานผู้แทนการค้าไทย ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็เข้าร่วมด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีบทบาทสําคัญในการที่จะพูดคุยเรื่องพลังงานสะอาด

นายเศรษฐากล่าวว่า หลังจากนั้นได้มีการพูดคุยกันสองต่อสอง ระหว่างผมกับประธานาธิบดีมาครงที่ห้องรับแขกของท่าน มีการพูดคุยในเชิงลึกถึงความสัมพันธ์ที่จะสามารถทําอะไรกันต่อไปได้ ซึ่งเป้าหมายที่จะทําต่อไปคือในเดือนกันยายนก็จะมีนักธุรกิจจากประเทศฝรั่งเศสไปที่ประเทศไทย ซึ่งแปลกใจเล็กน้อยที่ประธานาธิบดีมาครงได้เชิญภรรยาของท่าน ซึ่งวันเดียวกันนี้สวมชุดสีแดง สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของฝรั่งเศส ซึ่งท่านเข้ามาพูดคุยทักทายกันเล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกไป ผมและประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็คุยกันต่อ ก็เป็นการพูดคุยกันอย่างดีในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

“วันเดียวกันนี้ท่านได้ขอเบอร์มือถือไป และได้ทดลองทักทายกันผ่าน Whatsapp มีอะไรก็สามารถพูดคุยกันอย่างชัดเจน และท่านบอกว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา (สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต) ซึ่งผมก็ระบุว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทั้ง 3 คนน่าจะได้มีการตั้งกลุ่มขึ้นมา และมีการพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่ดี 3-4 ชั่วโมงได้ประโยชน์อย่างมาก และวันนี้ก็เดินทางต่อไปที่เมืองมิลานประเทศอิตาลี” นายเศรษฐากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image