‘ชัยวุฒิ’ มองกลุ่มทะลุวัง ตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ถูกยุยง ปลุกหวังแก้ ม.112
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ห้องประชุมโรงแรมไชยแสง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ว่า การเคลื่อนไหวบางเรื่องมันเลยเถิด กลายเป็นการทําผิดกฎหมาย เช่น การผิดมาตรา 112 จาบจ้วงสถาบัน อาฆาตมาดร้ายสถาบัน ซึ่งก็ถูกดําเนินคดีไปตามกระบวนการยุติธรรม ตนเห็นใจผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน หลายคนก็เป็นเหยื่อของขบวนการแก้ไขมาตรา 112 หลายคนที่ตนได้พูดคุยสอบถามก็ไม่มีใครได้รับความเดือดร้อน หรือถูกกระทำจากสถาบัน เมื่อถามว่าเดือดร้อนเรื่องอะไร ก็ไม่มี แต่ถูกยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจที่ผิด จึงได้ออกมาเคลื่อนไหวจนตัวเองเดือดร้อนต้องถูกดําเนินคดี
“ผมก็เห็นใจทุกคน แต่ไม่อยากให้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง เพราะว่าเป็นเรื่องกระบวนการที่มีการดําเนินการในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องแล้วไม่เกี่ยวกับการเมือง และที่สําคัญมีหลายคนไปพูดว่ากระบวนการยุติธรรมเราบิดเบี้ยว ไม่ให้ประกันตัว ผมก็ติดตามเรื่องนี้อยู่ เข้าใจว่าทุกคนก็เคยได้รับการประกันตัว เพียงแต่ว่าบางคนมีเงื่อนไขไม่ให้ทำผิดซ้ำ คือไม่ให้ไปกระทำความผิดอีก ซึ่งหลายคนที่ได้รับการประกันตัว แต่กลับไปทําผิดซ้ำอีก ขัดคําสั่งของเรื่องการประกันตัวก็ต้องถูกจับเข้าไปในคุกใหม่ ถ้าเราไม่เข้าใจและปล่อยให้กระบวนการเหล่านี้ดําเนินการต่อไปเรื่อยๆ ผมว่ามันจะกระทบกับความมั่นคง กระทบกับจิตใจของคนไทยหลายๆ คนที่เขารับไม่ได้กับสิ่งเหล่านี้” นายชัยวุฒิกล่าว
นายชัยวุฒิกล่าวต่อว่า ตนเคยไปประชุมกับพวกปกป้องสถาบัน และคิดว่าสถาบันเป็นสถาบันหลักของชาติ ทำให้คนไทยรักกัน สามัคคีกัน เป็นปึกแผ่น และทำให้ประเทศชาติเดินหน้ามาได้ เพราะถ้าประเทศไม่มีสถาบัน อย่างประเทศเพื่อนบ้าน เขาก็ไม่ได้ดีกว่าเรา ของเราดีกว่าเยอะ เราก็รู้ เราถึงเป็นอนุรักษนิยมไว้ แต่เคยถามพวกที่เคลื่อนไหวว่าจะแก้กฎหมาย 112 หรือไม่ว่าทำให้คุณเดือดร้อนเรื่องอะไร สถาบันไปกดทับอะไรคุณ ตนถามทุกคนเวลาไปดีเบตว่าทำไมต้องมาเคลื่อนไหวจาบจ้วงสถาบัน เพราะว่าถ้าตนรู้ปัญหาก็จะช่วยคุณแก้
“อนุรักษนิยมคือการแก้ปัญหาอะไรที่ผิดเราก็มาแก้ให้ถูกร่วมกัน แต่นี่ไม่มีปัญหาก็อ้างนู่น อ้างนี่ อ้างงบประมาณแผ่นดิน อ้างปัญหาการเมืองที่มันไม่เกี่ยวกับสถาบัน บางคนหนักไปอ้างรถติดอีก บอกรถติดเรื่องสถาบันเพราะขบวนเสด็จ ก็คนมันอคติ มันก็ยุยง ปลุกปั่น ไปสร้างเงื่อนไขกัน
จริงๆ ผมก็สงสารคนที่เขาเคลื่อนไหว เพราะอีกมุมมองหนึ่งผมมองว่าเขาอาจเป็นเหยื่อที่ถูกยุยงปลุกปั่นให้ได้รับข้อมูลที่ผิด ทำให้เป็นพวกหัวรุนแรง จริงๆ เขาก็ไม่ได้เดือดร้อนเพราะสถาบัน เอาจริงๆ ผมว่าแก้กฎหมาย 112 ไปชีวิตเขาก็ไม่ได้ดีขึ้น ผมเชื่อว่าเราทุกคนอยากให้บ้านเมืองสงบสุขและเดินไปข้างหน้าเพื่อให้เราทำการค้าขายเศรษฐกิจก้าวหน้าได้และเติบโต รัฐบาลก็จะได้เข้ามาดูแลพี่น้องประชาชน แก้ปัญหาเรื่องต่างๆ” นายชัยวุฒิกล่าว