40 ส.ว.ชี้ คำร้องพิชิต แยกชัด เศรษฐาต้องพิสูจน์ มีคนบงการ-แทรกแซงแต่งตั้งหรือไม่ ?

’ดิเรกฤทธิ์‘ มอง ‘พิชิต’ ชิงลาออกหวังป้อง ‘เศรษฐา’ มีหลายทางออก ขึ้นอยู่กับศาลรธน. ชี้ นายกฯ ยังต้องพิสูจน์ไร้คนบงการ-แทรกแซงขณะแต่งตั้งหรือไม่

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ 40 ส.ว.ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยความสิ้นสุดลงของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน และตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของ นายพิชิต ชื่นบาน หลังมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ ว่า ในคำร้องเราก็ยื่นไปว่า ทั้งนายพิชิต และนายเศรษฐา ทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) ซึ่ง ทั้ง 2 มีพฤติกรรมที่ผิดต่างกัน โดยหากนายพิชิตลาออกแล้ว ก็มีทางออกได้หลายทางเช่นกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับศาลที่จะวินิจฉัย

ซึ่ง หากมีผลวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ศาลก็อาจจะเห็นว่า ไม่มีประโยชน์อะไร ต้องมาสั่งอีกเพราะนายพิชิตก็ลาออกแล้ว ก็อาจจะมีการจำหน่ายคดีออกไป แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนนี้ก็อาจจะไม่ได้มีการจำหน่ายออกไปทันที เพราะอาจจะมีข้ออื่นๆ อย่างหากเป็นข้อดี กับการบริหารราชการแผ่นดิน หรือเป็นประโยชน์ กับสาธารณะศาลก็อาจจะพิจารณาต่อเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน

นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของนายกฯ จะหมดข้อกล่าวหาไปด้วยหรือไม่นั้น ก็เป็นไปได้ทั้งสองทาง ทั้งอาจจะหมดข้อกล่าวหาเคลือบแคลงในความซื่อสัตย์สุจริต เพราะนายพิชิตก็ลาออกไปแล้ว จึงไม่มีประเด็นที่จะมากล่าวโทษนายกฯ

Advertisement

แต่อย่างไรก็ดี ก็มีความเห็นมาจากหลายฝ่าย ซึ่งในคำร้องที่เรายื่นไปแล้วเราก็แยกออกจากการกระทำ ซึ่งศาลอาจจะขอเรียกดูพยานหลักฐานจากนายกฯ เพื่อดูว่า เป็นการกระทำที่สุจริตและรอบคอบหรือไม่ อีกเรื่องคือการแต่งตั้ง ที่ต้องพิสูจน์ด้วยว่า นายกฯ ไม่ได้ให้คนอื่นใช้ตำแหน่งของท่านเพื่อหาประโยชน์ ไม่มีใครมาแทรกแซงหรือมาสั่งให้ทำ ซึ่งโดยรวมแล้วศาลก็จะต้องพิจารณาเรื่องนี้ต่างหาก แม้ว่านายพิชิตจะลาออกแล้วก็ตาม

นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนคำร้องที่ยื่นไปต่อศาลนั้น เรายื่นทั้งคำร้อง และแนบหลักฐานไปให้ศาลแล้ว เพราะเป็นการร้องเกี่ยวกับคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะเราเห็นว่า จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไม่ได้ หากยังมีข้อเคลือบแคลงอยู่ เราจึงแนบหลักฐานต่างๆ อย่างคำสั่งของศาลฎีกาที่สั่งให้จำคุก 6 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล ทั้งเรื่องมรรยาททนายความ ที่ตัดชื่อนายพิชิต ออกจากการเป็นทนายความ เพราะเห็นว่าทำผิดศีลธรรมอันดี เสื่อมเสียต่อกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งปัญหาเรื่องความสุจริต หรือความเป็นอิสระของนายกฯ ก็ดี ซึ่งเราก็รวบรวมมูลทั้งหมด เพื่อส่งให้ศาลพิจารณาประกอบกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image