●…ทั้งๆ ที่ไม่มีตำแหน่งแห่งหนอะไร อย่างเป็นทางการ แต่ด้วยเป็นที่รู้กันว่า “พรรคเพื่อไทย”
ของใคร และทั้งที่ถูกดำเนินคดี เป็นเรื่องเก่า “อัยการต้องสั่งฟ้องไปตามน้ำ” หากไม่สั่งฟ้องต่างหากจะดูพิสดาร แต่เป็นเพราะที่ผ่านมา ผู้คนในประเทศไทยถูกทำให้เคยชินกับมาตรฐานแบบ “คนของใคร” เมื่อบารมี “ทักษิณ ชินวัตร” เบ่งบานด้วยความเชื่อในอิทธิฤทธิ์ของ “ดีลพิเศษ” เมื่อถูกสั่งฟ้องเลยเกิดกระแสตื่นเต้น อาการ “อ้าวเฮ้ย!” ที่เกิดจากผิดคาด จึงเลยเถิดไปที่ตีความกันให้ขรมด้วยเดากันไปว่า “ดีลสิ้นมนต์ขลัง”
●…ที่น่าใจหายเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ “เศรษฐา ทวีสิน” มากกว่า ด้วยเกมที่ใช้มือ “ส.ว.กลุ่มหนึ่ง” เป็นทำให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” รับเป็นคดีไว้พิจารณานั้น ในทางเจตนาเป็นที่รู้กันว่าการทำงานของ “นายกรัฐมนตรีคนนี้” ระมัดระวังอย่างยิ่งในเรื่อง “กฎหมาย” ทำทุกอย่างตามขั้นตอนรอบคอบเสมอ การตั้ง “พิชิต ชื่นบาน”เป็นรัฐมนตรี ผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอน ดังนั้นถึงวันนี้ “นายกฯ เศรษฐา” ยังเชื่อว่า “ไม่ได้ทำพลาด” เพียงแต่ที่น่าประหลาดคือ เกิดเรื่องขึ้นมา กระแสด้านลบโหมกระพือ ทำให้ที่น่าทบทวนมากกว่าคือ “เกิดอะไรขึ้นกับศรัทธาต่อรัฐบาล” เกือบปีที่ทุ่มเทอย่างขยันขันแข็ง ไม่ช่วยก่อกระแสนิยมมาปกป้องได้บ้างเลยหรือ
●…เพื่อภารกิจของ “เพื่อไทย” คือสร้างผลงาน หนุนให้ “แพทองธาร ชินวัตร” ขึ้นสู่แท่น “ผู้นำ” ในอนาคต แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นปฏิเสธไม่ได้ว่าอีหลุกขลุกขลัก การเมืองไทยยังมากมายด้วยปัจจัยเสี่ยงสำหรับหนทางในอนาคตของ “อุ๊งอิ๊ง” ขาใหญ่ที่เรียงหน้ากันออกมากระพือ “ฤทธิ์เดชของทักษิณ” แฝงด้วยท่าทีหมิ่นแคลนว่า “ระบบประเทศนี้ทำอะไรไม่ได้” เหมือน “ยกย่องความสามารถ” แต่ซ่อนไว้ด้วย “ประสงค์ร้าย” ย่อมหมายถึงต้องทบทวนจังหวะก้าวของ “แพทองธาร” อย่างเคร่งครัดในความรอบคอบ
●…อีกเรื่องที่ไม่น่าจะมีอะไรซับซ้อน คือการกลับมาทำงานให้ “รัฐบาลเพื่อไทย” ของ “วิษณุ เครืองาม” ด้วยเป็นที่รู้กันว่า “นิติบริกร” ที่ยังหาคนมีความสามารถเทียบเท่าไม่ได้ผู้นี้ สนิทชิดเชื้อกับ “คนตระกูล ชินวัตร” มายาวนาน เมื่อความเป็นความตายของการเมืองไทยพิสูจน์แล้วว่าถูกกำหนดด้วย “อิทธิฤทธิ์ของการตีความกฎหมาย” การเรียกหาผู้ที่รู้ทางหนีทีไล่ของทุกฝ่ายมาทำงานสำคัญ คนที่หวังดีกับรัฐบาลย่อมไม่สมควรตำหนิ
●…เป็นธรรมดาอยู่เอง เมื่อถูกถามว่า หากต้อง “โหวตนายกฯกันใหม่จะมีชื่อเข้าแข่งหรือไม่” แล้ว “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” จะตอบว่าเอาด้วย เพราะ “ก้าวไกล” ในฐานะพรรคที่มี ส.ส.อันดับหนึ่ง มี “แคนดิเดตนายกฯ”เพียงคนเดียว ซ้ำท่ามกลางกระแสโพลที่ “ความนิยมเพิ่มขึ้น” จะให้ “พรรคการเมืองทุกพรรค” ต้องกระอักกระอ่วนใจ ในฐานะ “ผู้มาจากอำนาจประชาชน” แล้วถูกถามถึง “การตัดสินใจในทางสวนความต้องการประชาชน” ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก
●…แต่อย่างว่า “การเมืองเป็นเรื่องของการช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์” หาก “ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หรือ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” เห็นช่องทางสร้างบารมี และ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เห็นโอกาสของการได้คุมกระทรวงที่เป็นเป้าหมาย “เกมที่คิดว่าไม่น่าจะเกิด” อาจบางทีจะยินดีเล่น โดยค่อยกลับมาอธิบายเหตุผลให้ประชาชนฟังภายหลัง
●…สภาพเศรษฐกิจที่ชัดเจนว่าแม้ “รัฐบาลจะทุ่มเทแค่ไหน” ก็ยากจะฝ่าอุปสรรคโครงสร้างอำนาจที่เตะสกัดได้ทุกขั้นตอน ทั้งที่ “เศรษฐา ทวีสิน” เดินสายโชว์ความพร้อมรับการลงทุนไปทั่วโลก แต่ถึงเวลาตัดสินใจ “ทุนใหญ่ต่างประเทศ” เมื่อมองมาภูมิภาคนี้กลับเลือก “มาเลเซีย” เพื่อหนุนก้าวพ้น “ประเทศกำลังพัฒนา” และ “เวียดนาม” ที่เป็น “ดาวรุ่งในทุกด้าน” ทิ้ง “ไทย” ให้ “ฝันค้าง” เพราะ “ผู้บริหาร” เลือกที่จะทำโดยมองไม่เห็น “ขบวนการแช่แข็งประเทศ”
ชโลทร




