•…เสียง “ทรงพระเจริญ” และ “สาธุ” กระหึ่มวัดพระแก้ว เมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ 12 ก.พ.2560 ที่ผ่านมา เป็นหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศไทย ในโอกาสที่ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เสด็จพระราชดำเนินประกอบ “พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่่ 20” ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทรงถวายน้ำพระมหาสังข์แด่สมเด็จพระสังฆราช ในพิธีการ อันเป็นไปตามโบราณราชประเพณี
•…ท่ามกลางบรรยากาศอันเป็นมงคล “พระราชาคณะ-พระเถระ” ร่วมสวดถวายชัยมงคล “ระฆัง” วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่งเสียงกังวานใสเย็น โดยมี “ปรีชาญ อินทรไพโรจน์” ผอ.พระคลังข้างที่ รักษาการ “ผอ.วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” เป็นผู้ย่ำ 3 ลา และย่ำเป็นจังหวะอีก 20 ครั้ง เท่าลำดับของพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน พร้อมกับวัดอีกกว่า 4 หมื่นแห่งทั่วประเทศและทั่วโลกต่างร่วมทำพิธีสำคัญนี้ที่วัดของตนเอง
•…บัดนี้ ประเทศไทยมีองค์พระสังฆบิดร ทรงพระนาม “สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช” หรือสมณศักดิ์่ก่อนหน้านี้ คือ “สมเด็จพระมหามุนีวงศ์” ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา สมถะและเยือกเย็น มีแนวปฏิบัติของ “พระสายวิปัสสนา” เป็นศีลาจารวัตร ไม่แปลกที่ชาวพุทธและประชาชนทั่วไปหลั่งไหลไปขอเข้าเฝ้ากราบนมัสการ จนวัดราชบพิธฯ แน่นขนัดมาหลายวันแล้ว
•…ส่วนการเมืองไทย หลังจากโดน “ดอง” มาเกือบ 3 ปี วันนี้ยัง “ว้าวุ่น” อยู่ในขั้่นตอนของการ “ปรองดอง” ที่มี “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็น “โต้โผ” รายการนี้ “บิ๊กป้อม” ระดม “น้องๆ ในกองทัพ” มารับหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนหลายคน ส่วนอีกฝั่งที่จะมาร่วมโต๊ะกลมนำเสนอแนวคิดว่าจะปรองดองกันยังไงดี มีทั้งพรรคการเมืองและกลุ่มต่างๆ ที่ถือว่ามีส่วนใน “ความขัดแย้ง” ที่เกิดขึ้น
•…เริ่มต้นจาก “พรรคการเมือง” ส่งตัวแทนมาพรรคละ 10 คนก่อน ตามลำดับตัวอักษร เริ่มจาก “พรรคความหวังใหม่-พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย-พรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย” ได้คิวคิกออฟ 14 ก.พ. ส่วนพรรค ก.ไก่ “กิจสังคม” พรรคดังในอดีต ยังอยู่แต่ประสานไม่ได้ จากนั้น 15 ก.พ. เป็นคิวของพรรคชาติพัฒนา ต้องรอดูว่า “โมเดล” ของบิ๊กป้อม จะทำให้ “ยกแรก” ของการปรองดอง ลื่นไหล หรือติดขัด ประการใด
•…แวดวงการเมืองต่าง “จับจ้อง” มองเกมปรองดองรอบนี้กันอย่างเงียบๆ ว่าจะไป “จบ” ตรงไหน เพราะฝุ่นยังตลบ ถ้ารีบร้อน “ถลำ” ลงมาอ้าขาผวาปีก อาจเกิดรายการ “ผิดคิว” เสียผู้เสียคนได้ง่ายๆ เพราะชัดเจนแล้วว่า “คสช.” จะยังอยู่ดูแลการเมืองต่อไป ขณะที่ “ตัวบทกฎหมาย” ต่างๆ ที่จะใช้เป็น “กรอบกติกา” ของการเมืองในเวลาต่อไป ออกมาในแบบ “เข้มข้น” ไม่ค่อย “เป็นมิตร” กับนักการเมืองสักเท่าไหร่ ผิดพลาดขึ้นมาอาจเจอคดีความได้ง่ายๆ ถ้าเป็นแบบนี้คงได้เห็น “บิ๊กเนม” ขอเอาเวลาไปทำมาหากิน ประคับประคองตัวเองไปก่อน แทนที่จะโดดมารีบ “เซิ้ง” ตามเสียงปี่กลองเหมือนสมัยก่อนๆ
•…หลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ซึ่ง “คืนอำนาจ” กันอย่างรวดเร็วในเวลา 1 ปี “บิ๊กบัง-พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน” หน.คณะรัฐประหารรอบนั้น ออกมาพูดว่า การล้มกระดานไม่แก้ปัญหา แล้วตัวเองตั้งพรรคมาตุภูมิลงสมัครเลือกตั้ง กลายเป็น “ปม” ที่บางกลุ่มเห็นว่าเป็นรัฐประหาร “เสียของ” จึงเกิดรัฐประหารซ้ำอีกในปี 2557 ตั้งเป้า “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” และล่าสุด “ปรองดองก่อนเลือกตั้ง” 3 ปีผ่านไป “ผลพวง” ของการแก้มือ-ล้างตา ในครั้งนี้ จะออกมาในเชิงบวกหรือซ้ำรอยปี 2549 กำลังค่อยๆ ปรากฏออกมา
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่