นายกฯ มอบนโยบายเพิ่มศักยภาพจังหวัด ให้แก่ผู้ว่าฯ 55 จังหวัด เมืองน่าเที่ยว ‘สั่ง’จัดทำแผนแม่บท เร่งอนุรักษ์-พัฒนาแหล่งวัฒนธรรมและธรรมชาติ ผลักดันบางจังหวัดให้เป็นมรดกโลก ‘ชี้’ต้องตั้ง KPI ที่ท้าทาย ในการทำงานร่วมกัน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 มิถุนายน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับภาคเอกชน ประกอบด้วย สมาคมท่องเที่ยว สมาคมโรงแรม ร้านอาหาร ผู้ประกอบการนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เพื่อร่วมกันเร่งเพิ่มศักยภาพ 55 เมืองน่าเที่ยว ขับเคลื่อนนโยบาย IGNITE TOURISM THAILAND จุดพลังการท่องเที่ยวไทยด้วยการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากเมืองหลักไปสู่เมืองรอง หรือเมืองน่าเที่ยว เพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็น Tourism Hub ที่สำคัญของโลก ด้วยนโยบาย IGNITE TOURISM THAILAND โดยมีกลยุทธ์เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยวเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองรอง การประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในวันนี้ รัฐบาลด้วยความร่วมมือจากทั้งภาคเอกชนและในส่วนพื้นที่ 55 จังหวัดเมืองน่าเที่ยวจะเพิ่มศักยภาพจังหวัดท่องเที่ยวทั้ง 55 เมืองน่าเที่ยว ด้วยการเร่งพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ระบบขนส่งมวลชน ยกระดับมาตรฐานที่พัก ร้านอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มทางเลือกและความหลากหลายให้แก่นักท่องเที่ยว สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นด้วยการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี การสนับสนุนทางการเงิน การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะบุคลากรเพื่อยกระดับคุณภาพการบริการ ปรับปรุงเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยว และส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในทุกมิติ โดยจะส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยวอย่างเข้มข้น ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการใช้สื่อดิจิทัลและสื่อสังคมออนไลน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ รัฐบาลจะเร่งผลักดันบางจังหวัดของประเทศไทยให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวและสร้างชื่อเสียงในระดับสากลต่อไป
โดยภาคเอกชนต้องการรับการสนับสนุนจากรัฐบาลในหลายประเด็น อาทิ การสนับสนุนเงินทุน หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ธุรกิจ SMEs การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจโรงแรมให้ทันสมัยและเอื้อต่อการดำเนินงาน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการบิน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว การจัดทำข้อตกลงด้านการบินที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของสายการบินไทย รวมถึงการลดภาษีและค่าธรรมเนียมสนามบินเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน การสนับสนุนการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น การปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยและสุขอนามัย การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยว
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า รัฐบาลยินดีที่จะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนสามารถทำงานและส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเร่งผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้บรรลุเป้าหมายทั้งทางด้านจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ทางการท่องเที่ยวตามที่ตั้งไว้ ตลอดจนพัฒนาสู่การเป็น Tourism Hub ที่มีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับข้อเสนอภาคเอกชน เรื่อง “บัสทัวร์ทั่วไทย” เพื่อตอบโจทย์การท่องเที่ยวให้เข้าถึงเมืองรองได้มากขึ้น รวมถึงเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวระดับกลาง และเน้นย้ำให้จังหวัดดึงศักยภาพสถานที่ท่องเที่ยว UNSEEN ออกมานำเสนอเพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น รวมถึงกำชับให้ทุกส่วนราชการร่วมกันประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการสกัดกั้นทัวร์เถื่อน และให้ส่งเสริมทัวร์ขนาดเล็กที่ถูกกฎหมายเพื่อสร้างความเท่าเทียมด้านรายได้
นายกรัฐมนตรียังขอให้โรงแรม สถานที่พักขนาดเล็กในต่างจังหวัด ยกระดับปรับปรุงมาตรฐานการให้บริการ รวมถึงความสะอาดตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในส่วนเรื่องของความปลอดภัย ขอให้ทุกภาคส่วนเข้มงวดสร้างความปลอดภัยและความประทับใจต่อนักท่องเที่ยวตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยจนถึงก้าวสุดท้ายที่เดินทางกลับ และเน้นย้ำให้กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม เข้มงวดตรวจสอบเสื้อชูชีพให้เป็นไปตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ต่อมาเวลา 15.00 น. วันที่ 11 มิ.ย. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายเพิ่มศักยภาพจังหวัด ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดท่องเที่ยว 55 จังหวัด (เมืองน่าเที่ยว) และผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยส่วนภูมิภาค ภายหลังเป็นประธานการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเพิ่มศักยภาพจังหวัดท่องเที่ยว 55 จังหวัด (เมืองน่าเที่ยว) ตอนหนึ่งว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นจุดแข็งของประเทศไทยที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งรัฐบาลได้กำหนดนโยบาย IGNITE TOURISM THAILAND เพื่อมุ่งผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็น Tourism Hub ที่สำคัญของโลก โดยมีกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนนโยบายด้วยกลยุทธ์เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว เชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองใกล้เคียง กระจายนักท่องเที่ยวไปสู่ภูมิภาคต่างๆ พร้อมทั้งกระจายรายได้สู่เมืองน่าเที่ยว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว ทั้ง 55 จังหวัด ซึ่งการดำเนินการส่งเสริมเมืองน่าเที่ยวจะต้องคำนึงถึงความพร้อมของปัจจัยขับเคลื่อนต่างๆ อาทิ สถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก การเดินทาง อัตลักษณ์ท้องถิ่น การส่งมอบประสบการณ์ ร้านอาหาร และกิจกรรมทางการท่องเที่ยว ผ่านแนวคิด 5 Must Do in Thailand นำเสนอเสน่ห์ไทย ด้วย Must Eat : อิ่มอร่อยกับอาหารถิ่นทั่วไทย Must See : ละลานตา วัฒนธรรมไทย Must Seek : Unseen ถิ่นน่าเที่ยว Must Buy : หัตถกรรมล้ำค่าน่าซื้อฝาก และ Must Beat : สุดยอดกีฬา ท้าทายกายใจ ซึ่งล้วนแสดงถึงเสน่ห์ความเป็นไทยที่จะมัดใจนักท่องเที่ยว พร้อมเชิญชวนและกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเมืองน่าเที่ยว ก่อให้เกิดการกระจายรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างทั่วถึง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การส่งเสริมเมืองน่าเที่ยวดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกท่าน ในฐานะนายกรัฐมนตรีขอมอบนโยบายสำคัญสำหรับการส่งเสริมเมืองน่าเที่ยว ดังนี้ การพัฒนาการเดินทาง ขอให้ทุกจังหวัดพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ถนน ระบบขนส่ง และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง ด้านการเชื่อมต่ออื่นๆ เช่น Direct Flight วันนี้เราก็ต้องจัดให้มีเพียงพอมากขึ้นด้วย ขอให้มีการทำ Partnership กับภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Tour agent, บริษัท Credit Card, สายการบิน, เครือโรงแรมต่างๆ และร้านอาหาร ให้มาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประสบการณ์การเดินทางด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ ขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดจัดทำแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเมืองรองอย่างเข้มข้น แบ่งตามกลุ่มของนักเดินทาง ทำเป็น Customer Journey ให้ชัดว่าแต่ละกลุ่มจะทำ Marketing อย่างไร เช่น สายมู LGBTQ กลุ่ม Festival สายรถไฟ หรือตามลักษณะของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม ทั้งสำหรับกลุ่มในประเทศและระดับสากล ใช้สื่อต่างๆ สังคมออนไลน์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น ขอให้ท่านพัฒนานโยบายเพื่อสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี การสนับสนุนทางการเงิน และการจัดการฝึกอบรมเพื่อยกระดับคุณภาพการบริการ สำหรับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ขอให้ทุกจังหวัดส่งเสริมการท่องเที่ยวที่รักษาสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น โดยการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาและบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว เช่น กลุ่มการท่องเที่ยวตลาดน้ำ สวนสาธารณะ
นายเศรษฐากล่าวว่า การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ขอให้ท่านสำรวจและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในจังหวัดของท่าน เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกและความหลากหลายให้แก่นักท่องเที่ยว ในส่วนของการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัย ขอให้ท่านเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยวและการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและมั่นใจในการท่องเที่ยว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การผลักดันบางจังหวัดให้เป็นมรดกโลก ซึ่งสามารถนำไปสู่การยกระดับให้บางจังหวัดของเราได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพื่อเป็นการผลักดันการท่องเที่ยวและสร้างชื่อเสียงในระดับสากล ดังนั้น ขอให้ทุกจังหวัดที่มีศักยภาพในการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจัดทำแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์และการพัฒนาแหล่งวัฒนธรรมและธรรมชาติ สำรวจและรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแหล่งวัฒนธรรมและธรรมชาติที่มีศักยภาพ เพื่อจัดทำเอกสารเสนอขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกต่อไป ทั้งนี้การปรับปรุงกระบวนการทำงานต้องมีการตั้ง KPI ที่ท้าทาย ขอให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาล ภาคประชาชน และภาคเอกชน เพื่อทำให้ได้ผลสูงสุด
“ผมเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือร่วมใจของพวกเราทุกคน การส่งเสริมเมืองน่าเที่ยวของประเทศไทยจะเจริญเติบโตและมีความยั่งยืนในระยะยาว ขอบคุณทุกท่านที่ทำงานอย่างหนักและมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศไทย ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จและมีความสุขในการปฏิบัติหน้าที่” นายกรัฐมนตรีกล่าว