ความคึกคักอันเห็นได้จากบรรยากาศแห่ง “ปรองดอง” เริ่มขึ้นแล้วที่ศาลาว่าการกลาโหม
เมื่อ 3 พรรคการเมือง “เรียงแถว”กันเข้าไป
1 พรรคความหวังใหม่ 1 พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย 1 พรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย
นี่คือ 3 พรรคที่ประเดิม “คิกออฟ”
จากนั้น ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จะเป็นพรรคที่ 4 คือ พรรคชาติพัฒนา
แล้ววันที่ 16 กุมภาพันธ์ เป็นพรรคชาติไทยพัฒนา
ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ คือ คิวของพรรคประชาธิปัตย์
แม้ในการเดินหน้ากระดานเรียง 1 ของพรรคการเมืองจะยังเป็นการเสนอข้อคิดเห็นผ่าน “ปลัดกระทรวงกลาโหม” ยังไม่ใช่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
แต่ขอให้ “จับตา” คณะของแต่ละ”พรรคการเมือง”
และขอให้ “จับตา” ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ อันมาจากแต่ละ “พรรคการเมือง”
ตรงนี้แหละ “สำคัญ”
ไม่ว่าจะมีการยกเลิกประกาศและคำสั่ง “คสช.” หรือไม่ แต่แต่ละ “พรรคการเมือง” เคลื่อนไหวแล้ว
ทั้งมิได้เคลื่อนไหวต่ำกว่า 5 คน
ขอให้สังเกต “แถลง” จาก นายชลินรัตน์ จันทรุเบกษา โฆษก พรรคชาติพัฒนา
“คณะทำงานของพรรคได้ประชุมหารือ”
ขอให้สังเกต “แถลง” จาก นายวราวุธ ศิลปอาชา แห่งพรรค ชาติไทยพัฒนา
“ทางพรรคจะมีการหารือ”
เฉพาะตัวแทนจากพรรคชาติพัฒนาก็ไม่ต่ำกว่า 15 คน ขณะที่ตัวแทนจากพรรคชาติไทยพัฒนาก็มีมากกว่า 5 คน
นี่คือการทะลวงผ่าน “คำสั่ง” อันมาจาก “คสช.”
จึงเด่นชัดยิ่งว่า ไม่ว่า “คสช.” จะยกเลิก หรือไม่ยกเลิก ประกาศคำสั่งในเรื่องการชุมนุมเกิน 5 คน
แต่”พรรคการเมือง”เดินหน้าไปแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นพรรคความหวังใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย
โดยที่ “คสช.”ก็จำเป็นต้องทำเป็น”มองไม่เห็น”
เพราะหากไม่มีการผ่อนปรนก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะขับเคลื่อน ขบวนการ”ปรองดอง”ไปได้
“ปรากฏการณ์” เช่นนี้สะท้อนอะไร
อาจตอบได้ว่าเป็นการเปิดกว้างโดย “คสช.” และโดย”รัฐบาล” และจำต้องกระทำด้วยความจำเป็น
แต่แท้จริงคือ”พลานุภาพ”อันมากับ”ปรองดอง”
เพราะว่า “ปรองดอง” มีสายสัมพันธ์อยู่กับ “ประชาธิปไตย” อย่างแนบแน่น
