สภาถกแก้ร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ‘ภูมิธรรม’ หวังได้เสียงหนุน ก้าวไกลท้วงให้เขียนกติกาเป็นธรรม

สภาเดินหน้าถกแก้ กม.ประชามติ ‘ภูมิธรรม’ หวังสภาสนับสนุน ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการทำประชามติ ประหยัดงบ-เวลา-ลดภาระ ปชช. ขณะที่ ‘พท.’ แจงแก้ระบบเสียงข้างมาก 2 ชั้น หวังดัน รธน.ผ่านง่าย ด้าน ‘ก้าวไกล’ ท้วงให้เขียนกติกาเป็นธรรม ไม่วางเป้าเพื่อให้ได้เปรียบเรื่องแก้ รธน.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 มิถุนายน ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาสมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่…) พ.ศ. … จำนวน 4 ฉบับ คือของคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคภูมิไจไทย โดยจะพิจารณารวมทั้ง 4 ฉบับ เนื่องจากมีเนื้อหาในทำนองเดียวกัน

ทั้งนี้ ก่อนการอภิปรายได้ให้ผู้เสนอชี้แจงหลักการและเหตุผล โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เห็นแตกต่างในรัฐธรรมนูญ 60 กล่าวว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ปี 2564 กำหนดให้การออกเสียงที่ถือว่ามีข้อยุติจะต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามติ ซึ่งการกำหนดให้การออกเสียงที่ถือว่าข้อยุติมีจำนวนคะแนนการออกเสียงมากเกินไป ทำให้ได้ข้อยุติที่จัดทำประชามตินั้นยากขึ้น การออกเสียงในแต่ละครั้งอาจไม่ประสบความสำเร็จ และการทำประชามติแต่ละครั้งตั้งใช้งบประมาณจำนวนมาก และไม่ได้กำหนดให้วันออกเสียงสามารถกำหนดเป็นวันเดียวกันกับวันเลือกตั้ง ส.ส.หรือเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น เนื่องจากดำรงตำแหน่งครบวาระ ทำให้ต้องกำหนดวันออกเสียงแยกต่างหากกับวันเลือกตั้ง ทั้งที่อาจอยู่ในเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระงานและงบประมาณและเป็นภาระประชาชน

นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า วิธีการออกเสียงเดิมกำหนดให้การออกเสียงกระทำโดยบัตรออกเสียงเป็นหลัก อาจจะไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมีการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่สามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการเข้าถึงการออกเสียงได้โดยสะดวกรวดเร็วและลดภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น และกฎหมายเดิมกำหนดเพียงให้จัดให้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่จะจัดให้มีการออกเสียงอย่างรอบด้าน อย่างเท่าเทียมกันเท่านั้น ซึ่งอาจไม่ชัดเจนว่าความเห็นของผู้ที่ไม่เห็นชอบในเรื่องที่จัดทำประชามติจะได้รับการรับฟังอย่างทั่วถึงหรือไม่ และนำไปสู่การโต้แย้งผลการทำประชามติได้

ADVERTISMENT

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ดังนั้น ครม.จึงเห็นว่ามีความจำเป็นต้องแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยกำหนดให้ร่าง พ.ร.บ.ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป มีการแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดให้ทำประชามติเป็นวันเดียวกันกับวันเลือกตั้ง ส.ส. เลือกตั้งสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น เนื่องจากครบวาระในช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับการออกเสียง กำหนดให้การออกเสียงกระทำโดยใช้บัตรออกเสียง หรือการออกเสียงทางไปรษณีย์ หรือออกเสียงโดยเครื่องลงคะแนนออกเสียงอิเล็กทรอนิกส์ หรือทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือโดยวิธีอื่น โดยวิธีการนั้นสามารถป้องกันการทุจริตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนเข้าถึงได้โดยสะดวก และอาจใช้วิธีลงคะแนนวิธีใดวิธีหนึ่งหรือหลายวิธี และใช้ในเขตออกเสียงหนึ่งหรือหลายเขตออกเสียง ตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด และกำหนดให้การออกเสียงที่จะถือว่ามีข้อยุติในเรื่องที่จัดทำประชาติ ให้ถือเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียงโดยคะแนนเสียงข้างมากต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียงและต้องสูงกว่าคะแนนเสียงที่ไม่แสดงความคิดเห็น

นายภูมิธรรมกล่าวด้วยว่า เมื่อประกาศกำหนดวันออกเสียงแล้วให้คณะกรรมการเผยแพร่กระบวนการและขั้นตอนให้ผู้มีสิทธิออกเสียงได้รับทราบอย่างทั่วถึง และให้คณะกรรมการจัดให้มีการแสดงความคิดเห็นโดยอิสระและเท่าเทียมกัน ทั้งผู้ที่เห็นชอบและไม่เห็นชอบ และกำหนดให้การออกเสียงจะใช้เขตประเทศ เขตจังหวัด เขตอำเภอ เขตเทศบาล เขตตำบล เขตหมู่บ้าน หรือเขตอื่นเป็นเขตออกเสียงก็ได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามคณะกรรมการกำหนด รวมทั้งกำหนดให้มีการกำหนดหน่วยออกเสียงให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด ในกรณีที่พื้นที่ใดมีการเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป หรือมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นเนื่องจากดำรงตำแหน่งครบวาระ ในวันเดียวกันกับการออกเสียง

“การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการทำประชามติ ทำให้ประชาชนเกิดความสะดวก ประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดงบประมาณ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในการทำประชามติโดยอิสระได้มากขึ้น จึงหวังว่าสภาแห่งนี้จะให้การสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นอย่างดี” นายภูมิธรรมกล่าว

ทั้งนี้ ผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.ทั้งของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยเป็นไปในทำนองเดียวกับฉบับของ ครม.ที่น่าสนใจ คือ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า ในการแก้ไขประเด็นการออกเสียงเพื่อนำไปสู่การผ่านประชามติ จากเดิมที่ใช้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง 2 ชั้น คือผู้มาใช้สิทธิต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ และเสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญหากเทียบกับการประชามติรัฐธรรรมนูญ 2560 พบว่ามีผู้มีสิทธิ 50 ล้านคน ออกมาใช้สิทธิ 29.7 ล้านคน เห็นชอบ 16.8 ล้านเสียง ไม่เห็นชอบ 10.5 ล้านเสียง หากมีผู้ไม่ออกมาใช้สิทธิ 4 ล้านคน รัฐธรรมนูญ 2560 จะไม่ผ่าน ทั้งนี้ การออกเสียงประชามติมีเหตุผลความจำเป็นต้องการสอบถามความเห็นประชาชน ดังนั้น เรื่องนี้อาจเป็นปัญหา โดยเฉพาะประชามติแก้ไขเพิ่มเติม หรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นควรแก้ไขเพื่อให้ปฏิบัติได้ ไม่ใช่ใช้เสียงมากเกินไป

ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า การแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มองว่าไม่ควรออกแบบให้ยึดติดเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหลักเท่านั้น เพราะ พ.ร.บ.ประชามติไม่ใช่ทุกอย่างที่ส่งผลต่อกระบวนการทำรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีตัวแปรซึ่งกำหนดว่าจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เร็ว หรือมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยเป็นประเด็นที่อยู่นอกเหนือกฎหมายประชามติ อย่างไรก็ดี ตนเห็นต่างเรื่องจำนวนครั้งของการทำประชามติ และควรมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง 100% ของประชาชน ทั้งนี้ ครม.ยังไม่รับหลักการดังกล่าว

“ครม.ไม่เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญจนกว่ามี พ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่ ทั้งที่โฆษกรัฐบาลกำหนดว่าจะทำประชามติครั้งแรกในระหว่างวันที่ 21 ก.ค.-21 ส.ค.นั้นไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ ผมไม่ได้รับคำยืนยันด้วยว่าหาก ครม.ต้องแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ก่อนจัดทำประชามติครั้งแรก ทำไมต้องรอจนถึงวันนี้ ทั้งนี้ ร่างของพรรคเพื่อไทยและร่างของพรรคก้าวไกลเสนอสู่สภาตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.67” นายพริษฐ์กล่าว

นายพริษฐ์กล่าวว่า เมื่อทุกพรรคและรัฐสภามีธงชัดเจน อยากเห็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากออกแบบกฎหมายประชามติโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผลลัพธ์ของประชามติเกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญญใหม่ จะถูกตั้งคำถามว่าต้องการแก้กติกาเพื่อให้ฝ่ายที่สนับสนุนได้เปรียบใช่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้ ส.ส.คำนึงถึงเป้าหมายของการออกแบบกติกาประชามติเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่ว่าประชามติเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญหรือเราสนับสนุนฝ่ายที่เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับประเทศที่ถูกถามในเรื่องการทำประชามติ

จากนั้นเปิดให้สมาชิกแสดงความคิดเห็นในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง