เผ่าภูมิ ลุกโต้ฝ่ายค้าน กุ 7 ข้อครหาใช้งบ68 ด้านขุนคลังลุกสำทับ ‘ขาดดุล’ แต่วินัยการคลังยังแกร่ง

‘เผ่าภูมิ’ โต้ฝ่ายค้านกุ 7 ข้อครหาใช้งบ ฟากขุนคลังย้ำวินัยการเงินการคลังยังเข้มแข็ง

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ในวาระแรกนั้น

เวลา 19.20 น. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่ามีความจริงที่ฝ่ายค้านพูดไม่หมด 7 เรื่องคือ 1.การบอกว่ารัฐบาลมีวิสัยทัศน์สั้น ซึ่งไม่เป็นความจริง ต้องยอมรับเศรษฐกิจประเทศมีปัญหา ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ 2.หนี้สาธารณะประเทศ 60 กว่า% มีปัญหา แต่ความจริง 10 กว่า% เป็นหนี้สาธารณะที่ไม่เป็นภาระต่อรัฐบาล 3.การเสพติดการขาดดุลงบประมาณ แม้ปีนี้จะขาดดุลงบประมาณสูง แต่การขาดดุลจะลดลงในปีต่อๆไป ไม่ใช่การเสพติด ถ้าเสพติดจะเพิ่มขึ้นทุกปี 4.รัฐบาลสร้างหนี้แต่ชำระเงินต้นน้อย ความจริงงบปี 2568 ชำระหนี้เงินต้น 1.5 แสนล้านบาท ถือว่าชนเพดาน ไม่สามารถชำระเงินต้นได้สูงกว่านี้อีกแล้ว 5.ภาระดอกเบี้ยที่รัฐบาลชำระน้อย งบรายจ่ายปี 2568 ตั้งงบชำระดอกเบี้ย 2.6แสนล้านบาท เพื่มขึ้นจากปีก่อน 3 หมื่นล้าน 6.รัฐบาลตั้งตัวเลขจีดีพีสูงเกินจริง ซึ่งไม่เป็นความจริง 7.ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นพายุหมุนไปสู่หลุมดำ เพราะมีสินค้าจากจีนเข้ามาดูดพายุหมุน แต่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตให้ใช้จ่ายแบบ Face to Face ไม่สามารถใช้จ่ายผ่านทางออนไลน์ได้ ขอให้ไปศึกษาข้อมูลมาให้ดี

ADVERTISMENT

จากนั้นเวลา 19.40 น. ที่รัฐสภา นายพิชัย ชุณหวชิระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า แม้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จะจัดงบแบบขาดดุล แต่ยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังที่เข้มแข็ง ขณะนี้กำลังซื้อภาคครัวเรือนมีปัญหา โดยเฉพาะยอดซื้อรถยนต์นั่ง รถจักรยานยนต์ รถบรรทุกที่เป็นเครื่องมือทำมาหากิน มีกำลังซื้อลดลง เพราะภาคครัวเรือนไม่มีกำลังจัดซื้อ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรม การเกษตรก็หดตัวลง เป็นปัญหาที่สะสมมายาวนาน หนี้ภาคครัวเรือนสูงกว่า 90 กว่า% ส่วนใหญ่เป็นหนี้จากที่อยู่อาศัย ยานพาหนะ ส่อแนวโน้มเป็นเอ็นพีแอล เมื่อภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรมมีปัญหา รัฐบาลก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ADVERTISMENT

นายพิชัยกล่าวอีกว่า ขณะนี้การผลิตภาคอุตสาหกรรม เริ่มมีสัญญาณทางบวกด้านการส่งออก เป็นผลจากการอัดฉีดงบเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้มากขึ้น ดังนั้นจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นการเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะช่วยในเรื่องการกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อในการบริโภค และกำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรม ถือเป็นการกระตุ้นในจังหวะที่เหมาะสม รัฐบาลวิเคราะห์เศรษฐกิจทุกมิติ พร้อมแก้ปัญหาระยะสั้นเรื่องปากท้องและระยะยาวเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจ จะใช้งบประมาณให้สอดคล้องกับนโยบายการเงินการคลัง พาประเทศไปสู่การเติบโตที่สูงชึ้นกว่าในอดีต และสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ควบคู่ไปกับการรักษาความยั่งยืนทางการคลัง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image