⦁…เดินหน้าอย่างราบรื่น แม้ไม่ครึกครื้นอย่างที่คาด “ปรองดอง” ที่ “กองทัพ” เชิญ “พรรคการเมือง” เรียงคิวตามตัวอักษรไปให้ข้อมูล “10 กรอบความรู้” กับ “1 กรอบความเห็น” รวมเป็น “11 เรื่อง” ที่ “ตำราปฏิรูป” กำหนดไว้เรียบร้อย “หัวหน้า คสช.-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” แจกให้ทีมทำงานศึกษากันทะลุปรุโปร่งก่อนหน้านั้น ซึ่งประเด็นสำคัญใน “กรอบการเมือง” อยู่ที่คำถาม “คุณภาพอย่างคนไทย ออกมาเดินในถนนสายประชาธิปไตยเร็วเกินไปหรือไม่”
⦁…ช่วงยึดอำนาจใหม่ๆ “กองทัพ” เรียก “พรรคการเมืองทุกพรรค” เข้าไป “ทำความเข้าใจ” ในนามของ “การแลกเปลี่ยน” มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนี้ให้ความรู้สึกที่แตกต่างไป ด้วย “กำหนดขบวนการนำข้อมูลไปใช้อย่างไร เมื่อไรชัดเจนกว่า” แต่ที่ไม่ “ครึกครื้น” เป็นกระแสให้เกิดความตื่นตัวอย่างที่น่าจะเป็น เพราะแทนที่จะ “แถลงให้ผู้สนใจได้รับรู้ว่าแต่ละวันได้อะไรจากการหารือบ้าง” กลับใช้วิธีเก็บรวบรวมไว้ แถลงรวมเป็นครั้งๆ ไป จึงทำให้ “แรงกดดัน” ที่จะเกิดจาก “ความสนใจของประชาชน” คาดหวังจาก “นักการเมือง” อ่อนไปกว่าที่น่าจะเป็น
⦁…ในกรอบใหญ่ ของ “ป.ย.ป.” อันหมายถึง “ปฏิรูปประเทศ-ยุทธศาสตร์ชาติ-สามัคคีปรองดอง” ที่เปิดให้ “นักการเมือง” ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนใน “โครงสร้างอำนาจการบริหารจัดการประเทศ” เข้าไปมีส่วนรวม ดูเหมือนจะเฉพาะที่ “ป.” ตัวสุดท้าย หรือ “สามัคคีปรองดอง” ซึ่งว่าไปเป็น “เรื่องของปัญหาและอุปสรรค” ส่วน “ปฏิรูปและยุทธศาสตร์” ที่เป็น “สาระหลัก” ในทิศทางการนำชาตินั้น ดูจะเป็นเรื่องของ “ทีมงานเฉพาะที่ไม่โยงกับประชาชน” จึงไม่แปลกที่จะมีเสียงร่ำร้องจาก “นักการเมือง” บางคน อยากจะเข้าไปกำหนดอะไรต่ออะไรมากกว่านั้น
⦁…เพียงแต่ว่า “บทบาทที่มากกว่านี้ของนักการเมืองนั้น” ดูจะเป็น “ฝันที่เกินจริง” ไปสักหน่อย ด้วยเมื่อประเมินจากสถานการณ์แล้ว ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้อง “อ่อนโอนไปตามเสียงร่ำร้องของนักการเมือง” และปัจจัยต่างๆ ที่ประกอบขึ้นเป็น “พลังการเมือง” นั้น ไม่มีส่วนใหญ่ที่จะก่อให้เกิด “ความกังวล” สำหรับการใช้อำนาจ
⦁…เริ่มจาก “พรรคการเมือง” ยังโงหัวไม่ขึ้นจากการตกเป็น “จำเลยสังคม” ฐานเป็น “ผู้สร้างความเลวร้ายให้เกิดขึ้นกับระบบการเมือง” ด้วยภาพ “เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง มากกว่าที่จะคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นต่อส่วนรวม” เรื่องราว “การจัดการทุจริต คอร์รัปชั่น” ที่เกี่ยวข้องกับ “นักการเมือง” ยังกระหึ่มในกระแสข่าว แค่เอาตัวให้รอดยังทันยาก นับประสาอะไรจะลุกขึ้นมาเรียกร้องเชิง “อุดมการณ์ประชาธิปไตย”
⦁…วกไปที่ “ประชาชน” อย่างที่รู้กันอยู่ว่า “ความแตกแยก” ที่ “หนักหน่วงรุนแรง และลึกในรอยร้าว” ชนิด “ยากประสาน” ทำให้ “อำนาจประชาชน” หมดพลังที่จะผลึกกันเรียกร้อง ยิ่งในเชิง “อุดมการณ์” ยิ่งเห็นได้ว่า “ชัดในความเห็นต่าง” ทุกเรื่องราว “กลุ่มหนึ่งเห็นไปในทางหนึ่ง อีกกลุ่มต้องเห็นในทางตรงกันข้าม” จึงเป็น “พลังที่ควบคุมได้สบายๆ” ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องกังวลอะไร แต่ทำให้ “ทำมาหากินกันไป อย่ามายุ่งกับธุระการจัดการบ้านเมือง” ทุกอย่างก็จบ
⦁…เมื่อ “กองทัพ” มีเอกภาพเข้มข้น ย่อมเป็น “อำนาจ” ที่มี “พลังเหลือเฟือ” ในการนำชาติไปในทิศทางที่วางไว้ เพราะเหตุนี้ คำถามที่ว่า “บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรในอนาคต” จึงไม่มีคำตอบอื่น นอกเสียจาก “แล้วแต่ท่านผู้นำจะพาไป” ซึ่งแน่นอนว่า “ความสงบ สันติของประชาชน” หรือพูดให้เข้าใจง่าย คือ “ความมั่นคง” ต้องมาก่อน “พัฒนาการในด้านอื่น”
ชโลทร