ทนายแจม ลุกทวงคดีบุ้ง ทะลุวัง เสียชีวิต 2 เดือนแล้ว ไร้ความชัดเจน ด้าน ทวี โร่แจงยิบ

‘ก้าวไกล’ ลุกทวงถามความคืบหน้าคดี ’บุ้ง ทะลุวัง‘ เสียชีวิตในเรือนจำ ด้าน ’ทวี‘ แจงตายเพราะ ‘ขาดสมดุลเกลือแร่ในเลือด-หัวใจโต’ ยัน ดำเนินการตามหลักสากล ย้ำ ต้องปฏิรูป ‘ก.ยุติธรรม’ ให้นักโทษมีเงินเก็บก่อนออกมา-เปลี่ยนราชทัณฑ์เป็นสถานฟื้นฟู ลั่น พยายามดันกฎกระทรวงหากศาลเห็นด้วยสามารถคุมขังที่บ้านได้

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพิเชษฐ์​ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นประธานการประชุม พิจารณาวาระกระทู้ถามสดด้วยวาจาของ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เรื่องความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของผู้ต้องขังในเรือนจำ ถาม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่า เป็นเวลา 2 เดือนแล้วที่น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง เสียชีวิต แต่เรื่องก็ยังคลุมเคลือ และไม่มีความชัดเจน ในเรื่องของการรักษาชีวิต ระหว่างการถูกฝากขังภายใต้กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม

อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของน.ส.เนติพร สะท้อนให้เห็นว่า มาตราฐานการดูแลผู้ป่วยของราชทัณฑ์ มีปัญหา ซึ่งตนก็ไม่แปลกใจกับการให้ประกันตัวของผู้ต้องขัง โดยอ้างว่า มีปัญหาด้านสุขภาพ เพราะตอนแรกคิดว่า จะสามารถใช้ได้กับทุกคน แต่กรณีนี้กลับแตกต่างออกไป

น.ส.ศศินันท์ กล่าวต่อว่า อยากถามว่า สาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของน.ส.เนติพรคืออะไร เพราะเหตุใดจึงไม่มีการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (Automated External Defibrillator หรือ AED) เวลาที่เสียชีวิตคือเวลาใด กรมราชทัณฑ์ จะมีการรับผิดชอบการเสียชีวิตนี้อย่างไร รวมถึงคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมานั้นสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วได้ผลอย่างไร ท่านมีแนวคิดที่จะปรับปรุงกระบวนการ ขั้นตอน หรือวิธีการดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือไม่ และท่านมีแนวคิดอย่างไรเกี่ยวกับนักโทษทางการเมือง ผู้ต้องขังทางความคิด

ด้าน พ.ต.อ.ทวี ชี้แจงว่า การเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เป็นการเสียชีวิตระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้ต้องมีการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ ซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ทางนิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติระบุว่า เกิดจากการเสียสมดุลเกลือแร่ในเลือดร่วมกับโรคหัวใจโต และกรมราชทัณฑ์ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของน.ส.เนติพรไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกายเพียงแต่อย่างใด

ADVERTISMENT

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ หากอ้างอิงจากใบมรณบัตรและการตรวจพิสูจน์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ประกอบกับกล้องวงจรปิดในคืนเกิดเหตุพบว่าน.ส.เนติพรได้นอนหลับพักผ่อนเป็นปกติ ก่อนที่เวลา 06.12 น. น.ส.เนติพรจะได้ลุกขึ้นมานั่งที่เตียง ก่อนจะมีการคว่ำหน้าลงและชักกระตุก และในรายงานมีการระบุว่าการเสียชีวิตที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ แต่ระหว่างที่ช่วยยื้อชีวิตนั้นอาจจะเป็นปรากฏการณ์ที่เหมือนการเสียชีวิตแล้ว แต่ตนยืนยันว่าการดำเนินการของกรมราชทัณฑ์ เป็นไปตามวิชาชีพมาตรฐานสากล และหลักทางการแพทย์ ส่วนรายละเอียดอื่นขอให้รอศาลที่จะมีความเที่ยงธรรมมากกว่า

พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า ส่วนการดูแลเรื่องสุขภาพของผู้ต้องขังนั้น ตนไม่อยากให้มองว่า ราชทัณฑ์มีวิธีการดูแลสุขภาพของผู้ต้องขังต่างจากที่อื่น ซึ่งใน 4-5 ปีผ่านมา เรามีผู้ต้องขังที่เสียชีวิต 1,000 กว่าคน แต่ในปี 2566 มีผู้ต้องขังที่เสียชีวิตลดลงเหลือเพียงแค่ 750 คน คิดเป็น 2% ขณะที่การเสียชีวิตด้านนอกกรมราชทัณฑ์นั้น อยู่ที่ 7.9% สรุปว่า อยู่ในเรือนจำ อยู่ในราชทัณฑ์เสียชีวิตน้อยกว่า ทั้งนี้ เมื่อตนเข้ามาเป็นรัฐมนตรีก็พยายามดูว่า จะปฏิรูปกระทรวงยุติธรรมได้อย่างไรบ้าง ซึ่งสิ่งที่ตนพยายามจะทำแม้ว่า ใครจะขวางคือจะต้องมีเรือนจำระหว่างการพิจารณาคดี, ต้องแยกเรือนจำเด็ดขาด, ต้องมีเรือนจำเฉพาะทางเช่น ผู้ที่ไม่มีการศึกษาหรือมีการศึกษาต่ำกว่าขั้นพื้นฐาน เพื่อที่จะให้มีเรือนจำสำหรับเรียนและการฝึกอาชีพ

“วันนี้ผมจะท้าทายคือ จะทำอย่างไรให้ราชทัณฑ์เป็นสถานที่ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ซึ่งจะต้องเอางบ สปสช.มาช่วย รวมถึงจะขอให้ราชทัณฑ์เป็นสถานฟื้นฟูสภาพทางสังคม และต้องให้เขามีเวลาในการที่เตรียมสู้คดี เมื่อไปเรือนจำก็ไม่ควรที่จะต้องใส่ชุดนักโทษ หรือหากอะไรที่เป็นวัฒนธรรมเดิมแล้วเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็ขอให้มาพูดคุยกัน ผมจึงพูดเสมอว่าดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนแห่งสร้างโอกาส เป็นการสร้างคนเพื่อไปสร้างชุมชนสร้างครอบครัว” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องคดีทางการเมืองนั้นเป็นเรื่องที่ตนให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่ความหมายของคดีทางการเมืองอาจจะมีความหมายที่กว้าง แต่หากดูในราชทัณฑ์ ขณะนี้คดีที่มีการมาเรียกร้อง มาชุมนุมและอาจจะรวมถึงคดีเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีอยู่ประมาณ 25 คน และช่วงหลังศาลก็ให้ประกันตัวแล้ว ขณะนี้เราพยายามที่จะทำตามหลักที่ว่าตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และพยายามที่จะผลักดันกฎกระทรวงส่วนหนึ่งในมาตรา 89/1 ซึ่งหากศาลเห็นด้วยก็อาจจะขอว่าไม่ต้องเข้ามาอยู่ในราชทัณฑ์ ให้อยู่บ้านได้ แล้วติดกำไรอีเอ็ม ตรงนี้ก็จะช่วยได้มาก ย้ำว่าตนพยายามที่จะผลักดันการปฏิรูปในเรื่องของการฝึกอาชีพ โดยให้ผู้ที่ออกจากราชทัณฑ์อย่างน้อยควรมีเงินเก็บสัก 10,000-100,000 บาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image