‘ธนกร’ ดักทาง กมธ.นิรโทษกรรม อย่าลุยไฟดันปลดล็อก ม.112 แนะ พิจารณารอบคอบ ชี้ เป็นคดีอ่อนไหว กระทบความมั่นคงประเทศ เสี่ยงขัด รธน. เชื่อ สังคมไทยรับไม่ได้ ย้ำจุดยืน ลงมติค้านนิรโทษฯ คนหมิ่นสถาบัน หากชงเข้าสภา
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์หลังจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธาน โดย กมธ.ไม่สามารถหาข้อยุติเรื่องนิรโทษกรรมคดีมาตรา 110 และคดีมาตรา 112 ซึ่งถือเป็นคดีที่มีความอ่อนไหว และคดีที่มีความรุนแรง ตามมาตรา 289 ด้วยการลงมติได้ ว่า ตนขอเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการได้พิจารณาตามหลักการกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในหมวด 2 มาตรา 6 เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ระบุว่าองค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้ หากกรรมาธิการฝืนให้ลงมติให้คดีที่ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับสถาบันฯ ให้ได้รับการนิรโทษกรรม อาจเสี่ยงต่อการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญได้
เมื่อถามว่า การที่ กมธ.ไม่สามารถลงมติได้ว่าไม่รวมคดีที่มีความอ่อนไหว ม.110 ม.112 และคดีร้ายแรง สะท้อนถึงความไม่ชัดเจนเรื่องข้อกฎหมายหรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า ความจริงถ้ายึดหลักการกฎหมายรัฐธรรมนูญ รวมถึงจารีตประเพณีรากเหง้าของประเทศแล้ว ตนเชื่อว่ากรรมาธิการจะไม่เสียงแตกแบบนี้ เพราะทุกคนต่างทราบดีอยู่แล้วว่า หากเราไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์คงไม่มีประเทศไทยในวันนี้ ซึ่งการจะนิรโทษกรรมผู้ที่หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์จึงไม่ควรเกิดขึ้น ควรจะใช้ช่องทางอื่นเพื่อจะขอพระราชทานอภัยโทษจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
“แม้ว่า กมธ.นิรโทษกรรม ไม่มีข้อยุติเรื่องคดี ม.110, 112 โดยมีข้อสรุปให้ส่งเรื่องเสนอต่อสภา และให้ ส.ส.เป็นผู้พิจารณาในรายละเอียดของการบัญญัติเป็นกฎหมายก็ตาม ผมมองว่า การที่ กมธ.ไม่ชี้ชัด ไม่มีข้อสรุปว่าจะไม่รวมคดีอ่อนไหวในการนิรโทษกรรมนั้น ก็ทำให้สังคมคิดได้ว่าเป็นการอะลุ่มอล่วย เห็นด้วยในการกระทำผิดโดยปริยายหรือไม่ ส่วนตัวขอคัดค้าน และหากถูกเสนอกฎหมายเข้าสภา ผมและ ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติก็จะลงมติไม่เห็นด้วยให้มีการนิรโทษฯ ให้คนหมิ่นสถาบัน และเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศก็รับไม่ได้เช่นกัน” นายธนกรกล่าว