‘วรวัจน์’ จับมือ ‘กรมศิลปากร’ สำรวจ ‘เวียงเชียงชื่น’ เมืองโบราณ เตรียมดันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แห่งใหม่
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ เขต 3 พร้อมนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ลงพื้นที่สำรวจเมืองโบราณเวียงเชียงชื่นเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตพื้นที่สวนหินมหาราช ต.ต้าผามอก รวมถึงเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กรุสมบัติเวียงเชียงชื่นที่วัดสะแล่ง อ.ลอง
โดยมีนายธีระ แก้วมา นายอำเภอลอง นายเสน่ห์ แสนมูล ผอ.ส่วนอำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 นายวิทวัธ รองเดช หัวหน้าอุทยานดอยผากลองและเจ้าหน้าที่ดอยผากลอง ตัวแทนองค์การบริหารส่วน จังหวัดแพร่และท้องถิ่น จ.แพร่ ร่วมสำรวจด้วย
ทั้งนี้ จากการสำรวจได้พบหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย อาทิ มีร่องรอยและข้อมูลของวัดที่ค้นพบในบริเวณนี้ ถึง 7 วัด มีเจดีย์ขนาดใหญ่หลายแห่งมีพระพุทธรูปโบราณและพบขวานหินขัด ซึ่งคาดว่าจะมีอายุไม่น้อยกว่า 2,500 ถึง 3,000 ปี รวมถึงวัตถุโบราณล้ำค่าอีกมากมาย ซึ่งพบว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้มีพระพุทธรูปโบราณที่ถูกขุดพบและถูกนำไปประดิษฐานอยู่ในวัดต่างๆ ในพื้นที่ของอำเภอลองแล้วจำนวนมาก บางแห่งเรียกว่าเป็นกรุสมบัติ เวียงเชียงชื่น มหาสมบัติแห่งล้านนา เช่น ที่วัดสะแล่ง อ.ลอง จ.แพร่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับ เมืองโบราณเวียงเชียงชื่น แห่งนี้ จากพงศาวดารและการสืบค้นพบว่า ได้กำเนิดขึ้นมาในยุคเก่าแก่ โบราณสืบทอดกันมา คาดว่ามีอายุกว่า 2,500 ปี มีอาณาเขตอยู่บนพื้นที่ประมาณ 519 ไร่ จากตำนานพงศาวดารทั้งโยนกและพงศาวดารไทยใหญ่พบว่าปริศนาเมืองโบราณนี้มีมาตั้งแต่ช่วงก่อนพุทธกาล และพระนางจามเทวีเคยได้มาเยือนเมืองนี้และเรียกชื่อว่า เววาภาสิต แต่ด้วยปรากฏมีแร่โลหะที่เมืองโบราณแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ผู้คนจึงเรียกเมืองนี้ว่า เวียงเชียงชื่น ก่อนจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองลองในเวลาต่อมา
นายวรวัจน์กล่าวว่า จ.แพร่พร้อมเปิดเมืองโบราณนี้ต่อสายตาชาวไทยและชาวต่างชาติ ตนเชื่อว่า ความยิ่งใหญ่ของที่นี่จะสร้างความตื่นตาต่อผู้มาเยือน และอนาคตเวียงเชียงชื่นแห่งนี้จะกลายเป็นสัญลักษณ์การกำเนิดของเมืองที่มีอารยธรรมที่เก่าแก่โบราณของไทย และจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยด้วย
ด้านนายพนมบุตรกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา กรมศิลปากรยังสำรวจและมีข้อมูลเมืองแห่งนี้น้อยมาก แต่เมื่อพบหลักฐานที่สำคัญและน่าสนใจแบบนี้ กรมศิลปากรจะเร่งสำรวจข้อมูลและรวบรวมวัตถุโบราณตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปและจะได้จัดงบประมาณปี 2568 และปี 2569 เพื่อทำการฟื้นฟูและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทันที ก่อนที่หลักฐานสำคัญและวัตถุโบราณต่างๆ จะถูกนำออกไปและกระจัดกระจายสูญหายไปจากเวียงเชียงชื่นแห่งนี้ มากกว่านี้