⦁…สัญญาณเตือน การเผชิญหน้า ระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มประชาชน เริ่ม “ตึงเครียด” ขึ้นเรื่อยๆ อย่างกรณี “โรงไฟฟ้ากระบี่” ที่จริงเมื่อรัฐบาลทุบโต๊ะว่าจะใช้ “ถ่านหิน” อาการฮือจากกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่เห็นว่า “โรงไฟฟ้า” จำเป็น แต่จะใช้ “วัตถุดิบ” แบบไหนต้องปรึกษาหารือกันก่อน ก็เกิดขึ้นทันที
⦁…แม้จะสั่งสกัดแล้ว แต่กลุ่มประชาชนจากกระบี่มาถึงทำเนียบตั้งแต่วันพฤหัสฯ บางส่วนเป็นกลุ่มที่เคยร่วมชัตดาวน์ ร่วมยึดทำเนียบมาก่อน บางส่วนคือเอ็นจีโอและชาวกระบี่ที่รับผลกระทบเองโดยตรง ล่าสุดเช้าวันเสาร์ ตำรวจเข้าควบคุม 3 แกนนำ
ประสิทธิ์ชัย หนูนวล-อัครเดช ฉากจินดา-ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร ไปที่ “มทบ.11”
⦁…คาดว่าการดำเนินการกับ “แกนนำ” และม็อบกลุ่มนี้ คงไม่ “รุนแรง” มากนัก จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะ “เนื้องาน” จริงๆ คือความเห็นต่าง และ “ความไม่พอใจ” ในเรื่องนโยบาย แต่ “มาตรฐาน” ที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้กับกลุ่มนี้
หากเป็นไปโดยละมุนละม่อม ก็น่าจะเป็น “มาตรฐาน” ที่ใช้กับประชาชนกลุ่มอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่ว่า พอเป็นเรื่องข้าว พืชผลตัวอื่นๆ ก็จะจีบปากจีบคอว่า มี “การเมือง” อยู่เบื้องหลัง พร้อมกับสั่งสอนให้ “หัดคิดใหม่” เป็นแพคเกจคุ้นๆ
⦁…การหาทางออกในเรื่อง “โรงไฟฟ้า” หาก “คสช.” ใช้อำนาจเด็ดขาด คงจบ “ไม่สวย” แน่ มีแต่จะต้องหารือ สร้าง “ความเข้าใจ” ระหว่างกันให้ได้ เป็น “ความละเอียดอ่อน” ที่รัฐบาลในห้วงสถานการณ์พิเศษ ต้อง “อดทน” และคิดถึงสไตล์ของ “รัฐบาลจากเลือกตั้ง” ให้มากสักหน่อย
⦁…ยังมีอีกหลายเรื่อง ที่ “จ่อคิว” รอปะทุ เว้นแต่ “รัฐบาล” จะรับมือ เคลียร์ปัญหาได้ทันการณ์ โดยเฉพาะ “ภัยแล้ง” ที่ตอนนี้หลายจังหวัดไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงพืชผลของตนเองแล้ว ลองส่องไปในภาคกลาง/อีสาน และอื่นๆ มีแต่ “แดดเปรี้ยง
และผืนดินแห้งผาก”
⦁…กองเชียร์ “ลุงตู่” ระยะนี้อาจหงุดหงิด เพราะ “คุณลุง” เจอมรสุมเข้าไปหลายดอก ทั้งเรื่องตัวเอง น้องชาย ไปจนถึงหลานชาย โดยเฉพาะ “บิ๊กติ๊ก” น้องชาย นั้นหลายกรณี ยุ่งเหยิง จากกรณี “ขาดประชุม สนช.” ร่วมกับ 6 สนช. ยาวไกลไปถึง “หลานชาย”
⦁…อีกเรื่องเมื่อรัฐบาลไฟเขียวให้ กลุ่มเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ต่อสัญญาบริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อีก 50 ปี โดยมีเสียงโวยว่า ไม่เปิดโอกาสให้รายอื่น เลยมี “นักเลงดี” หยิบเอาดีลซื้อขายที่ดินของ “บิดานายกฯ” กับ “กลุ่มทุน” ขึ้นมาแจกแจงใหม่ ตั้งข้อสงสัยเบาะๆ แต่เสียงเมาธ์ดังกระหึ่มไปไกล
⦁…ล่าสุด เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายเพื่อไทย (พท.) รุดไปยื่นหนังสือถึง ประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ให้สอบ “การจ่ายภาษีขายที่ดิน” ของบิดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่
⦁…“เรืองไกร” ตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากยื่นแล้ว “กรมสรรพากร” จะเอาไปแช่เย็นไม่ได้ ต้องตรวจประเมินภาษีใน 15 วัน พร้อมถามว่า บริษัทที่ซื้อที่ดินลงบัญชีค่าภาษี 16 ล้านด้วย ถ้าผู้ซื้อลงบัญชีแล้ว ฝั่ง “ผู้ขาย” เสียภาษีครบถ้วนหรือไม่ งานนี้กระอักเหมือนกัน
⦁…ไม่นานมานี้ องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติลดอันดับความโปร่งใสของ “ประเทศไทย” จากที่ 76 รูดไปที่ 101 จาก 176 อันดับ โดยมี “ตัวฉุด” สำคัญได้แก่ “คะแนนจากความเป็นประชาธิปไตย” ทำเอา “อึ้งกิมกี่” กันหมด เชื่อว่าตอนนี้ประชาชนคงเริ่มมองเห็นกันแล้วว่า ปัญหาประชาธิปไตย กับ “ทุจริตคอร์รัปชั่น”
สัมพันธ์กันยังไง ที่คิดว่าจะมี “เผด็จการมาปราบโกง” นั้น ต้อง “คิดใหม่”
⦁…เมื่ออยู่ในสภาพ “ไร้สิทธิไร้เสียง” ย่อมทำให้ “การตรวจสอบ” จากเสียงวิจารณ์ของสังคมก็หายไป แถม “องค์กรปราบโกง” แต่ละแห่ง ซึ่ง “ดุดัน” กับขั้วหนึ่ง แต่กับอีกขั้วดูจะตรงกันข้าม ถ้าเป็นแบบนี้จะเหลืออะไร เพราะตามทฤษฎีแล้ว ทุกกลุ่มที่ใช้อำนาจ ต้องถูก “ตรวจสอบ” ทั้งนั้น หากมี “ข้อยกเว้น” ผลก็จะเป็นอย่างที่เห็นๆ กัน
กาแฟป่า