เกรียงไกร นั่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ตามโผ ส.ว.สีน้ำเงินโหวตเป๊ะ 150 เสียง รวดเดียวจบ

วุฒิสภา เลือกประธานคนที่ 1 “บิ๊กเกรียง” ประกาศ 6 ประกาศ สัญญาจะทำทุกอย่างให้วุฒิสภาเป็นที่ยอมรับ ’นพดล‘ ลั่น จะทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง-พร้อมทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ ส.ว.ทุกคน “ปฏิมา” โชว์วิสัยทัศน์ขอ ส.ว.ทำงานร่วมกันไร้ความขัดแย้งกัน “อ.แล” ยันต้องการหลอมลวม ส.ว.เป็นหนึ่งเดียว แม้ไม่ได้รับเลือกปณิธานก็ไม่เปลี่ยน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 กรกฎาคม ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว. ที่อาวุโสที่สูงสุด ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ประชุมในวันแรก หลังจากเลือกประธานวุฒิสภาแล้วนั้น เข้าสู่วาระเลือกรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 โดยนายบุญส่ง น้อยโสภณ​ ส.ว. กลุ่ม 2 กฎหมายและยุติธรรม เสนอชื่อ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ส.ว. กลุ่ม 1 บริหารราชการแผ่นดิน นายสหพันธ์ รุ่งโจนพณิชย์ ส.ว.กลุ่ม 10 กลุ่มประกอบกิจการอื่น เสนอชื่อ นายนพดล อินนา ส.ว.กลุ่ม 8 สิ่งแวดล้อม นางสาวนิชาภา สุวรรณนาค ส.ว.กลุ่ม 5 อาชีพทำนา เสนอชื่อ นายปฏิมา จิระแพทย์ ส.ว.กลุ่ม 8 สิ่งแวดล้อม นางสาวมณีรัตน์ เขมะวงศ์ ส.ว.กลุ่ม 9 ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม เสนอชื่อ นายแล ดิลกวิทยรัตน์ ส.ว.​กลุ่ม 7 พนักงานหรือลูกจ้างของบุคคล ทำให้มีผู้ชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ทั้งหมด 4 คน

จากนั้นเป็นการแสดงวิสัยโดย พล.อ.เกรียงไกร แสดงวิสัยทัศน์ว่า หากตนได้รับความไว้วางใจเป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ตนจะดำเนินการดังต่อไปนี้ ประการแรก ตนจะยึดมั่นในความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระหากษัตริย์เป็นประมุข เทิดทูนและปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ประการที่สอง ตนขอให้ความเชื่อมั่นต่อเพื่อสมาชิกที่จะดำเนินงานทางการเมือง และองค์กรอิสระทั้งหลายด้วยความเที่ยงธรรม เป็นอิสระ เป็นกลาง สามารถเป็นที่พึ่งพาของพี่น้องประชาชนได้ สภาแห่งนี้จะเป็นหลักในการดำเนินการให้เกิดประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง

พล.อ.เกรียงไกรกล่าวต่อว่า ประการที่สาม ความเชื่อมั่นต่อสมาชิกที่จะต้องทำหน้าที่ในสภาแห่งนี้รวมกัน เรามาจากหลากหลายกลุ่มอาชีพ ตนจะยึดมั่นในเกียรติของสมาชิก รับฟังความคิดเห็นของสมาชิกทุกคนในการดำเนินงานกิจการที่เกี่ยวข้องกับวุฒิสภาอย่างเท่าเทียมกัน เคารพเสียงส่วนใหญ่ แต่รับฟังไม่เพิกเฉยต่อเสียงส่วนน้อยที่เห็นต่าง ประการที่สี่ ขอยืนยันว่าจะดำเนินงานทุกอย่างเพื่อให้วุฒิสภา เป็นที่ยอมรับ เชื่อมั่น ศรัทธาของพี่น้องประชาชน ประการที่ห้า ตนให้ความสำคัญต่อกระบวนการการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชน ในการเข้ามาทำงานร่วมกับเรา หรือรับฟังความเห็นจากพี่น้องประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อนำมาประกอบการตกลงใจของวุฒิสภา และประการที่หก ตนขอสัญญาว่า จะกระทำในสิ่งที่ดีงามเพื่อให้วุฒิสภา เป็นสภาอันทรงเกียรติ ที่มีเพื่อสมาชิกร่วมกันจรรโลงความดีงาม อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน

ADVERTISMENT

จากนั้น นายนพดล อินนา ส.ว. แสดงวิสัยทัศน์ว่า หากตนได้ทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ตนจะทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ปฏิบัติหน้าที่เอนเอียงไปตามกระแสสังคมหรือแรงกดดันทางด้านการเมือง ตนอยากเห็นการขับเคลื่อนการประชุมวุฒิสภาที่มีบรรยากาศการประชุมที่ดีโดยเปิดโอกาสให้สมาชิกใช้ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์มาใช้ในที่ประชุมแห่งนี้ ซึ่งตนเชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกับเพื่อนสมาชิกได้ และทำให้วุฒิสภาเป็นสภาที่มีความสุข สามารถสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติได้

ADVERTISMENT

นายนพดลกล่าวต่อว่า การสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ตนเชื่อเสมอมาว่าคนทุกอาชีพไม่ว่าการศึกษาระดับไหนล้วนมีความสำคัญเท่ากัน ประเทศไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้หากไม่มีบุคลากรหลากหลายอาชีพที่จะมาช่วยกันผลักดัน วุฒิสภาก็เช่นกัน ความหลากหลายในวิชาชีพจะช่วยผลักดันและขับเคลื่อนให้สภาแห่งนี้เดินหน้าต่อไปได้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน

นายนพดลกล่าวด้วยว่า ตนอยากเห็นวุฒิสภาทำงานในเชิงรุกคือการเดินหน้าเข้าไปหาประชาชนแทนที่จะให้ประชาชนเข้ามาหาเรา อยากเห็นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ต่างๆ ที่แทนที่จะประชุมในสภาแห่งนี้ น่าจะมี กมธ.สัญจรไปในจังหวัดต่างๆ เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนโดยตรง เพราะจะเป็นการสื่อสารระหว่างวุฒิสภาและประชาชนโดยตรง ซึ่งจะเกิดประโยชน์และทำให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ ตรงจุดมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการเผยแพร่ประชาธิปไตยต่อเยาวชนไทยทุกเพศทุกวัย ที่อยากให้มีการเพิ่มสื่อบางแพลตฟอร์มเข้าไปเพื่อให้เข้าถึงประชาชนและเยาวชนซึ่งต้องเป็นแพลตฟอร์มที่ประชาชนและเยาวชนให้ความสนใจ รวมถึงอยากเพิ่มเติมให้มีการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กันระหว่างวุฒิสภาไทยกับต่างประเทศมากขึ้น

“ผมมั่นใจว่าประสบการณ์ที่ผมสะสมมา 40 ปีนั้น จะสามารถทำหน้าที่ขับเคลื่อนวุฒิสภาไปพร้อมกับสมาชิกทุกคนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อวุฒิสภาเอง รวมถึงเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนได้เป็นอย่างดี เพราะความสำเร็จในการทำงานของวุฒิสภาแห่งนี้ ไม่ได้อยู่ที่รองประธานหรือใครคนใดคนหนึ่ง แต่เกิดจากสมาชิกทุกคน ผมพร้อมทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมกับสมาชิกทุกคน” นายนพดลกล่าว

นายปฏิมา จีระแพทย์ ส.ว. แสดงวิสัยทัศน์ว่า มีคนผู้ใหญ่ที่ตนเคารพได้เรียก ส.ว.ชุดเราว่า เป็น ส.ว.ชุดภูมิปัญญาไทย เพราะเรารับเลือกมาจากผู้ที่สมัครมาเลือกเรา โดยที่ไม่มีกติกาใดมีในโลกประก่อน ตนจึงคิดว่าถ้าประชาชนจะเรียกเราว่า ส.ว.ชุดที่ 13 ชุดภูมิปัญญาไทยก็ดูเหมาะสม ตนอยากให้ ส.ว.ทุกท่านทำงานอย่างเต็มที่รับใช้ประชาชน และเสริมสร้างสังคมไทยให่มีความรักสามัคคี เราเป็น ส.ว.ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสังคมไทย และ ส.ว.ก็เปรียบเสมือนอวัยวะของร่างกาย ซึ่งร่างกายมีหลายส่วนและทำงานต่างกัน ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องเลือกมาร่วมมือกันทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ โดยมุ่งช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอยู่

วันนี้ประเทศไทยอยู่ในขั้นโคม่า ตามตัวเลขประเทศไทยมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ประชาชนรอคอยการเมืองที่ตกผลึก และช่วยแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนทั่วไป วันนี้มีปัญหาในการค้าขาย ผู้ส่งออกก็มีปัญหาที่จะส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ มีการทุจริตในภาคตลาดทุน ทำให้สถาบันการเงินจะต้องตั้งสำรองหนี้เป็นจำนวนมาก

ตนคิดว่าหากการเมืองไม่นิ่ง เราจะเชิญชวนนักลงทุนมาลงทุนนั้นเขาคงไม่มา และคงจะเลือกไปประเทศที่การเมืองนิ่งและเศรษฐกิจเติบโต ตนขอเสนอว่าวันนี้เป็นวันแรกของการที่เราได้ทำงานร่วมกันเราไม่ควรให้เกิดความขัดแย้งกันในวุฒิสภา แต่ควรสร้างเอกภาพในการบริหารบ้านเมือง รัฐบาลทำอะไรดีเราก็ควรสนับสนุนเขา แต่หากรัฐบาลหลงทางควรตักเตือนเขา เราต้องช่วยกันคนละไม้ละมือ

ขณะที่ นายแล ดิลกวิทยรัตน์ ส.ว. แสดงวิสัยทัศน์ว่า วุฒิสภาเป็นสถาบันหนึ่งในกระบวนการเมืองของระบอบประชาธิปไตย ที่ย่อมต้องเน้นเสรีภาพของความหลากหลาย ความเท่าเทียม พร้อมทั้งความเป็นสากล การทำงานของวุฒิสภาจึงย่อมจะต้องรักษาหลักการให้เป็นไปตามทั้งในระบบความเป็นผู้นำและการปฏิบัติของสมาชิก ตนอยากเห็นผู้นำในรัฐสภารักษาองค์ประกอบความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพศกำเนิด หรือเพศสภาพ สูงวัยหรือ่อนวัย ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ศาสนาหรือชาติพันธุ์ เพื่อธำรงความเป็นสากล ของระบอบประชาธิปไตยไว้ นอกเหนือจากความหลากหลายในระดับผู้นำองค์กรแล้วเพื่อให้สภาแห่งนี้ได้สะท้อนมุมมองความหลากหลายรอบด้านและครบถ้วนในการช่วยกลั่นกรองกฎหมายให้กับสภาผู้แทนราษฎร

นายแลกล่าวต่อว่า ตนอยากเห็นทุกสรรพเสียง ทุกมุมมองของสมาชิกไม่ว่าจะมาจากกลุ่มใหญ่ กลุ่มเล็ก และไร้กลุ่ม ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกันในการแสดงออกและทำความเห็นให้ปรากฏแก่สาธารณะ ซึ่งหมายรวมคนตัวเล็กที่ไร้เสียง แต่มีจำนวนไม่น้อย เช่น ปัญหาแรงงาน ชาวไร่ ชาวนา ชาวประมง และผู้ด้อยโอกาสได้รับน้ำหนักความสำคัญไม่น้อยกว่าปัญหาอื่นในการพิจารณาของวุฒิสภา

“ผมขอยืนยันกับทุกท่านว่า ไม่ว่าผมจะได้รับการเลือกเป็นรองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่งหรือไม่ก็ตาม สิ่งนั้นจะไม่ทำให้ความมุ่งมั่นที่จะหลอมลวมเป็นส่วนหนึ่งกับท่านทั้งหลายในการปฏิบัติงานให้สภาแห่งนี้ประสบความสำเร็จสมดังปณิธานเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย” นายแลกล่าว

จากนั้นเวลา 13.45 น. เป็นการลงคะแนนลับด้วยการเข้าคูหาเขียนชื่อบุคคลที่จะเลือก โดยขานชื่อเรียงตามตัวอักษร ผลปรากฎว่า พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ได้ 150 คะแนน นายนพดล อินนา ได้ 27 คะแนน นายแล ดิลกวิทยรัตน์ ได้ 16 คะแนน นายปฏิมา จิระแพทย์ ได้ 5 คะแนน บัตรเสีย 2

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะ พ.ต.อ.กอบ อัจนากิต สว. กรรมการขานชื่อ ได้ขานคะแนนใบที่ 200 ว่าบัตรเสีย เนื่องจากเขียนตัวเลขลงในบัตร แต่ยังมีการขานต่อในใบที่ 201 ว่างดออกเสียง ซึ่งถือว่าบัตรเกินมา 1 ใบ ทำให้ที่ประชุมเกิดความสับสน จน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. เสนอว่า จากบัตรที่มีปัญหาไม่ได้ส่งผลต่อผู้ได้รับเลือกใดๆ ถ้าไปขานคะแนนใหม่จะเสียเวลาอีกเป็นชั่วโมง ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ไปรีเพลเทปย้อนหลังดูว่ามีการขานคะแนนผิดพลาดเกิดจากตรงไหน

ด้านพล.ต.ท.ยุทธนา วินิจฉัยว่า เห็นด้วยที่ว่าผลคะแนนไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่หลักฐานมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่ตรงขึ้นมาก็เสียหายต่อสภา ถ้าจำเป็นต้องนับคะแนนใหม่เพื่อให้เกิดความถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์ก็ต้องทำ ไม่ใช่ทำเพื่อให้ผ่าน ๆ ไป ดังนั้นขอให้นับคะแนนใหม่

โดยมีสว.หลายคนเห็นด้วยที่ให้นับคะแนนใหม่ เช่นนายสิทธิกร ธงยศ สว.กล่าวว่า ถ้ากระบวนการผิดก็ต้องย้อนกลับมาใหม่ ถ้าไม่นับใหม่จะผิดข้อบังคับการประชุม จะมีการตีความไปต่างๆ นานา ขอให้อดใจสักนิด
สุดท้ายประธานที่ประชุม สั่งให้นับคะแนนใหม่ ในเวลา 15.38 น.ซึ่งทำให้เสียเวลานับคะแนนใหม่ประมาณ 30 นาที ผลปรากฎว่า พล.อ.เกรียงไกร ได้ 150 คะแนน นายนพดล ได้ 27 คะแนน นายแล ได้ 15 คะแนน นายปฏิมา ได้ 5 คะแนน งดออกเสียง 1 บัตรเสีย 2 งดออกเสียง 1

หลังนับคะแนนเสร็จสิ้น พล.ต.ท.ยุทธนา แจ้งผลการเลือกรองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ว่า พล.อ.เกรียงไกร ได้150 คะแนน ถือว่าได้คะแนนสูงสุดไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกที่ประชุม ที่มาจำนวน 200 คน จึงถือว่า พล.อ.เกรียงไกร ได้รับเลือกเป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image