‘ไบเดน’ ถอยชิงปธน.สหรัฐ จุดเปลี่ยน ‘เดโมแครต’ สู้ทรัมป์?

‘ไบเดน’ถอยชิงปธน.สหรัฐ จุดเปลี่ยน‘เดโมแครต’สู้ทรัมป์?

สำหรับผู้ที่ติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ มาตลอด การเลือกตั้ง 2024 นับว่าเป็นอีกปีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อนในการเมืองสหรัฐ อยู่หลายเหตุการณ์

จากเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกลอบยิง ทำให้เขาเป็นจุดสนใจและแย่งพื้นที่จากสื่อต่างๆ มาถึงวันนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปลายปีนี้ ข่าวนี้ทำให้ไบเดน และพรรคเดโมแครตได้พลิกกลับมาเป็นประเด็นที่ถูกจับจ้องในสื่อแทน

หลังจากถูกกระแสกดดันจากในพรรคเดโมแครตเอง และผู้ที่สนับสนุนเขา ให้ถอนตัวภายหลังการดีเบตครั้งแรก เพราะคิดว่าหากยังสู้ต่อไป เขาอาจจะแพ้การเลือกตั้งอย่างแน่นอน และหลังจากติดเชื้อโควิด-19 การที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ้กลับไปพักฟื้นที่บ้านพักที่รัฐเดลาแวร์เพื่อกักตัว อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ได้ทบทวนเรื่องต่างๆ รวมถึงความเจ็บป่วย ปัญหาสุขภาพของตนเองว่าจะไปต่อ หรือพอแค่นี้ และสุดท้ายก็นำมาสู่การตัดสินใจถอนตัว

ADVERTISMENT

คำถามคือ ถอนตัวช้าเกินไปหรือไม่?

สำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประเด็นที่ถูกโจมตีมาโดยตลอด คือทั้งเรื่องสุขภาพและเรื่องอายุแต่พรรคเดโมแครตเพิกเฉยมานานเป็นเดือนเป็นปี จนทำให้เสียเวลาหาคนที่เหมาะสมมาเป็นตัวแทนพรรค

ADVERTISMENT

ในอดีตการถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งของประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ เคยเกิดขึ้นแล้วแต่สำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถือว่าเป็นการตัดสินใจถอนตัวที่ช้ามาก โดยเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 107 วัน ก่อนถึงวันเลือกตั้งสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 และยังเป็นการถอนตัวที่เหลือเวลาเพียง 1 เดือนก่อนการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตที่จะจัดระหว่างวันที่ 19-22 สิงหาคมนี้ ที่นครชิคาโก รัฐอิลลินอยล์เพื่อเสนอชื่อให้โจ ไบเดน เป็นตัวแทนพรรคลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ

จดหมายของประธานาธิบดีแสดงความจำนงประกาศผ่านสื่อว่าจะถอนตัว มีใจความสำคัญว่า การถอนตัวครั้งนี้ของเขา เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อทั้งพรรคและประเทศชาติ (best interest of my party and the country) แต่ก็ยังคงจะทำหน้าที่ประธานาธิบดีต่อไป
จนหมดวาระ

ในเวลาต่อมาประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประกาศให้การสนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทำให้แคมเปญกลายเป็น Harris for President แทน

เราอาจจะเห็นว่าสมาชิกส่วนใหญ่ในพรรคเดโมแครตสนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริส แต่สมาชิกบางส่วนก็มีคำแนะนำว่าควรที่จะเปิดโอกาสให้มีการสรรหาตัวแทนพรรคใหม่ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นด้วย

อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และนางแนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา ก็ยังไม่ได้ประกาศสนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริส อย่างชัดเจน และชื่อของนางคามาลา แฮร์ริส อาจจะอยู่เป็นอันดับหนึ่งของรายชื่อผู้ที่จะมาทดแทนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในครั้งนี้

แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนเธอจะไม่มีผลงานปรากฏในข่าวมากนัก ประกอบกับเธอไม่มีวาระทางนโยบายที่หนักแน่นพอ และผลสำรวจความนิยมก็ไม่ได้มีคะแนนสูงนัก และนี่คือปัญหา

แม้ว่าในรัฐธรรมนูญสหรัฐกำหนดว่า รองประธานาธิบดีจะขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีได้ หากประธานาธิบดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ แต่ก็ไม่ได้นับรวมถึงกระบวนการภายในพรรคในการเลือกตัวแทนพรรค ว่าถ้าโจ ไบเดน ถอนตัวกรณีนี้ จะต้องเป็นนางคามาลา แฮร์ริส ขึ้นมาเป็นตัวแทนพรรคในการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่สนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริส ก็มี เช่น อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นางฮิลลารี คลินตัน ก็ให้การสนับสนุน และคิดว่าเหมาะสมเป็นประธานาธิบดีสหรัฐต่อไป ซึ่งถ้าชนะเลือกตั้งจะถือว่าเป็นประธานาธิบดีหญิง ผิวสี ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย (อินเดีย-จาเมกา) คนแรก ในประวัติศาสตร์อเมริกา

พรรคเดโมแครตจะโหวตให้คามาลา แฮร์ริส หรือใครเป็นผู้แทนพรรคอย่างเป็นทางการในการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตเดือนหน้า เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างเร่งด่วน โดยมีโจทย์สำคัญว่าใครจะสามารถมาต่อกรกับโดนัลด์ ทรัมป์ได้

ถ้าเป็นนางคามาลา แฮร์ริส แน่นอนว่าบนเวทีศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ จะพลิกกลับไปเป็น โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีอายุมากที่สุด กลายเป็นคนแก่บนเวทีแข่งขันไป

ก่อนหน้านี้จากโพลสำรวจ มีคนเห็นว่าโจ ไบเดน มีอายุมากเกินกว่าจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไปอีก 4 ปี และโพลเดียวกันเมื่อถามถึง โดนัลด์ ทรัมป์ ความเห็นกว่า 60% ก็คิดเช่นเดียวกันว่า โดนัลด์ ทรัมป์ก็แก่เกินไป

ดังนั้น นางคามาลา แฮร์ริส จึงจะได้เปรียบด้านอายุ และจากประสบการณ์การทำงานตำแหน่งอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย เชื่อว่าเธอมีพลัง และความสามารถในการโต้แย้ง อย่างมีหลักการ เหตุผล การแสดงความคิดเห็น สู้กับโดนัลด์ ทรัมป์ได้อย่างแน่นอน

นอกจากนั้น ด้วยความที่เธอใส่ความสำคัญกับประเด็นสิทธิสตรี เธออาจจะได้คะแนนเสียงจากกลุ่มสตรีและกลุ่มที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม หากมองอีกมุมหนึ่งข้อได้เปรียบของนางคามาลา แฮร์ริส ที่กล่าวมา อาจจะยังไม่มีพลังมากพอ หรือสามารถทำอะไร โดนัลด์ ทรัมป์ได้ก็เป็นได้

เพราะถ้าย้อนกลับไปสมัยที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี กับนางฮิลลารี คลินตัน ที่มีประสบการณ์การเมืองมากกว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อปี 2016 แบบเหนือความคาดหมาย โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กลยุทธ์หาเสียง และโจมตีคู่แข่งอย่างดุเดือด ดูถูก ตรงไป ตรงมา รวมถึงควบคุมสื่อสังคมออนไลน์ได้มากกว่า ก็ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะมาแล้ว และประเด็นที่สำคัญสุดท้ายคือหากการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตเลือกนางคามาลา แฮร์ริส จริงในเดือนหน้า เวลาที่เหลืออยู่จะเพียงพอให้หาเสียงหรือไม่?

จะไล่ตามโดนัลด์ ทรัมป์ ได้มั้ย

สุดท้ายนี้การถอนตัวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี มีความหมายต่อ
การเลือกตั้งสหรัฐครั้งนี้ และน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างที่ท่านให้เหตุผลไว้ในจดหมาย คนในประเทศและผู้นำหลายประเทศต่างให้ความชื่นชมในการตัดสินใจที่กล้าหาญ และคำนึงถึงถึงประเทศชาติ และเพื่อให้พรรคของตนก้าวต่อไปได้

ผศ.ดร.ประพีร์ อภิชาติสกล
อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ ภาควิชาสังคมวิทยา
หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
อุปนายกสมาคมอเมริกาศึกษาในประเทศไทย (ASAT)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image