“พรรคไทยสร้างไทย” ย้ำจุดยืน “ปกป้องสถาบัน น้อมนำคุณธรรม “อภัย” แก้ปัญหาคดี ม.112 หนุนปรับแก้ไข ป.วิ.อาญา ให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองตรวจสอบคดีป้องกันใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง พร้อมเปิดช่องให้ทำเรื่องกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยระหว่างพิจารณาคดีได้
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 พรรคไทยสร้างไทย โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรค และนายชัชวาล แพทยยาไทย เลขาธิการพรรค ร่วมกันแถลงข่าวแสดงจุดยืน ต่อแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้เสนอรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว นั้น
นายโภคิน กล่าวว่า กรณีพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม หัวใจหลักของการพิจารณาร่างกฎหมาย คือจะมีการนิรโทษกรรมคดี 112 ด้วยหรือไม่ ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าไม่ควรนิรโทษกรรมคดี 112 เพราะเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นประมาทอาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งยังขัดกับรัฐธรรมนูญ ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าไม่ให้ใครหมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ ซึ่งความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์เป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ เมื่อยอมความไม่ได้จึงเกิดกระบวนการกล่าวโทษโดยผู้ใดก็ได้ ซึ่งเป็นช่องทางที่อาจเกิดการกลั่นแกล้งได้
พรรคไทยสร้างไทย จึงมีความเห็นร่วมกันว่า ควรปรับแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองซึ่งประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ขึ้นมา 1 ชุด ทำหน้าที่ตรวจสอบคดีที่เกิดขึ้น ป้องกันการใช้กฎหมายมาตรา 112 เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง นอกจากนี้ในระหว่างที่มีการดำเนินคดีผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหา สามารถทำเรื่องกราบบังคมทูลให้พระมหากษัตริย์ ใช้พระราชอํานาจพิจารณาพระราชทานอภัยได้ ซึ่งหลักการนี้เพิ่มเติมมาจาก การขอพระราชทานอภัยโทษ ที่รวมทุกคดีรวมถึงคดีที่ถูกฟ้องด้วยมาตรา 112 ด้วย
คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำว่าพรรคไทยสร้างไทย มีจุดยืนชัดเจน ในการยึดมั่นต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อยากเห็นความสามัคคีปรองดอง หันหน้าเข้าหากัน อยากให้ทุกคนทุกฝ่ายยึดมั่นตามแนวทางล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 โดยเฉพาะพระราชดำรัสเรื่องคุณธรรม 4 ประการ ซึ่งจะเป็นหลัก ทำให้คนหันหน้าเข้ามาพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ
สำหรับการแก้ไขพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม จะต้องแก้ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์ แก้ด้วยสติและปัญญา ไม่ใช่แก้ด้วยความรักหรือความเกลียดความชัง วันนี้ประชาชนธรรมดายังมีกฎหมายคุ้มครอง ดังนั้นพระมหากษัตริย์จะต้องมีสิทธิไม่ด้อยไปกว่าประชาชน เราจึงมีจุดยืนในการรักษาระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ดำรงอยู่อย่างวัฒนาสถาพรตลอดไป
ด้านนายชวลิต ย้ำว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้เสนอรายงานการศึกษา เรื่อง แนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรในคราวประชุมเมื่อ 13 ส.ค.63 ได้มีมติเห็นชอบที่จะไม่นิรโทษกรรมคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
จึงเห็นว่าหลักการดังกล่าวไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะทุกพรรคการเมืองที่ให้ความเห็นชอบในขณะนั้นก็อยู่ในสภาชุดนี้ทุกพรรคการเมือง อย่างไรก็ตามนับจาก 13 สิงหาคม 2563 ถึงปัจจุบันมีข้อมูลจากภายใน กมธ.ว่า มีคดีความผิดตามมาตรา 112 เกิดขึ้น จำนวน 303 คดี ซึ่งใน 303 คดีดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน
พรรคไทยสร้างไทยตระหนักถึงปัญหาของประเทศที่กำลังประสบอยู่ คือ การสร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ ขณะเดียวกันก็ต้องรักษากฎหมายบ้านเมืองซึ่งเป็นหลักการสำคัญ ดังนั้น การเสนอทางออกต่อปัญหามาตรา 112 จึงใช้หลักปกป้องสถาบัน ขณะเดียวกันก็น้อมนำคุณธรรม “อภัย” มาใช้ในการแก้ปัญหากับผู้ที่สำนึกในการกระทำจะโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม และจะไม่กระทำซ้ำ