ฝ่ายค้าน จัดเวทียกเครื่อง ทำงบประมาณ ปลื้มผลโพล ให้กำลังใจ หลังความนิยมนำโด่ง

“ฝ่ายค้าน” คิกออฟ ยกเครื่องการจัดทำงบประมาณ “ชัยธวัช” เผยเตรียมเปิดเวทีใหญ่ “ครบรอบ 25 ปีการกระจายอำนาจ” ระบุ โพลสำรวจความนิยมนำโด่ง เป็นกำลังใจ ผลักดันให้ทำงานต่อ “ชัยธวัช” ชูปฏิรูประบบงบประมาณ คํานึง 5 มิติ ชี้ ทํางบแบบเดิม ไม่ตอบโจทย์ประเทศ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 3 สิงหาคม 2567 ที่ชั้น B1 อาคารรัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการจัดโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ว่า วันนี้ถือว่าเป็นวาระพิเศษที่เราไม่ได้ไปจัดเวทีที่ต่างจังหวัด จะเชิญชวนประชาชนมาใช้พื้นที่ในรัฐสภา เพื่อที่จะเชื่อมโยงให้ใกล้ชิดมากขึ้น ระหว่างสภาผู้แทนราษฎรกับพี่น้องประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย ในวันนี้ฝ่ายค้านเราได้จัดเวทีกิจกรรมทั้งวัน ในหัวข้อเรื่องปลดล็อกวิกฤตงบประมาณของประเทศ ซึ่งในช่วงเช้าจะเป็นเวทีใหญ่ เป็นการเสวนาเพื่อให้ ตัวแทนพรรคฝ่ายค้าน ได้มาสื่อสารกับประชาชน ว่าสถานการณ์ในการจัดงบประมาณปี 2568 ในขณะนี้ มีความคืบหน้าไปอย่างไรแล้ว และเรามีข้อสังเกตอย่างไรบ้างในฐานะฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบถ่วงดุล ฝ่ายบริหารรวมถึง หน้าที่โดยตรงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการที่จะอนุมัติงบประมาณ

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ส่วนการสัมมนาในช่วงบ่ายเป็นกลุ่มย่อยๆ เราจะไม่พูดแต่เรื่องการวิพากษ์วิจารณ์ในการจัดงบประมาณปัจจุบันเท่านั้น แต่เป็นเวทีที่จะนำเสนอ การปฏิรูปกระบวนการงบประมาณ ของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการงบประมาณในเชิงระบบ หรือกระบวนการงบประมาณที่จะกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ตัวอย่างการจัดงบประมาณเพื่อจะพัฒนาแรงงาน ให้อัพสกิลมากกว่าที่เป็นอยู่ปัจจุบัน รวมถึงตัวอย่างในการจัดงบประมาณ ที่จะนำไปสู่การสร้างรัฐบาลดิจิทัล

“ไม่ใช่เป็นเวทีที่มาวิพากษ์วิจารณ์ อย่างเดียวแต่เราพยายามที่จะเชิญชวนและเสนอ ข้อเสนอในการปฏิรูประบบงบประมาณของประเทศไปด้วยในระยะยาว ซึ่งในวันนี้ก็มีประชาชนลงชื่อเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเราก็ได้เชิญหน่วยงานภาครัฐ และกลุ่มนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนักเรียนนักศึกษา ที่ให้ความสนใจได้มาเข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย” นายชัยธวัช กล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่า ในอนาคตจะมีการจัดกิจกรรมที่ไหนอีกบ้างหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนพยายามจัดเวทีฝ่ายค้านผู้ประชาชนให้ได้ทุกเดือน ไม่อยากจะจัดเหมือนเมื่อก่อน ที่จะจัดในช่วงสมัยปิดประชุมเท่านั้น เราอยากทำให้การทำงานของฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎรมีความใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น แต่ยังไม่กำหนดไว้ล่วงหน้า ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ซึ่งในขณะขณะนี้ก็มีแผนอยู่ว่าจะจัดเวทีใหญ่อีกเวทีหนึ่งคือ “ครบรอบ 25 ปีการกระจายอำนาจ” ซึ่งเรากำลังอยู่ในช่วงที่ทำแผนการกระจายอำนาจแผนใหม่ ซึ่งเราคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งก็น่าจะจัดที่กรุงเทพมหานคร เรายังมีหลายประเด็นซึ่งต้องดูตามสถานการณ์ด้วย

Advertisement

เมื่อถามว่า การจัดเวทีฝ่ายค้านพบประชาชนซึ่งปัญหาที่ประชาชนได้สะท้อนกลับมานั้นทางฝ่ายค้านได้นำไปดำเนินการอย่างไรบ้าง นายธวัชชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา วิธีฝ่ายค้านพูดประชาชน เราจัดเวทีนี้ไปแล้ว 4 ภาค ซึ่งก็เป็นประโยชน์มาก จากเราจะถือโอกาสรายงานการทำงานของฝ่ายค้านให้กับประชาชนทราบแล้วเราก็ได้ข้อเสนอ ที่เป็นรูปธรรมอยู่หลายอย่างจากพี่น้องประชาชนที่เข้ามาร่วมกิจกรรม ซึ่งเราก็ได้นำรูปธรรมเหล่านั้นไปดำเนินต่อ ซึ่งเราก็จัดเวทีดังกล่าวไปหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจทางภาคใต้ PM2.5 และเรื่องการจัดการน้ำในภาคอีสาน ทุกครั้งที่มีการจัดสัมมนาเราจะมีการจดบันทึกทุกครั้งและรวบรวมประเด็น สิ่งที่เป็นรูปธรรมก็จะประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และส.ส.ที่ติดตามเรื่องนั้นอยู่ลงไปดำเนินการทันที

เมื่อถาม ทางสวนดุสิตโพลได้สำรวจเรื่องดัชนีชี้วัดทางการเมือง และคะแนนผลงานของพรรคฝ่ายค้าน มีเพิ่มมาขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง มองประเด็นนี้อย่างไรบ้าง นายชัยธวัช กล่าวว่า ตนต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชน ที่มองเห็น และสนับสนุนการทำงานของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งด้านหนึ่งเป็นผลจากการบริหารงานของรัฐบาลด้วย ที่ประชาชนอาจจะมองเห็นว่า ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องประชาชนได้

แต่สำหรับฝ่ายค้าน ถือว่าเป็นกำลังใจ และมุ่งมั่นในการทำงานอย่างเต็มที่มากขึ้น จริงแล้วฝ่ายค้านในปัจจุบัน ก็ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะงานที่เป็นฝ่ายค้านในแบบเดิมๆ แต่เราพยามทำงานอย่างสร้างสรรค์ ในการนำเสนอว่ารัฐบาลโดยฝ่ายบริหารรวมถึงการบริหาร และการแผ่นดินโดยรวมทั้งหมด ที่ดีกว่านี้ควรจะเป็นอย่างไร เราพยามที่นำเสนอว่ามันถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องยกเครื่องหรือปฏิรูประบบงบประมาณกันอย่างจริงจังเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไม่ใช่เรื่องรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งเท่านั้น

จากนั้น นายชัยธวัช กล่าวเปิดงานว่า เราอยากเชิญชวนหน่วยงานต่างๆ รวมถึงประชาชน คิดถึงการปลดล็อกระบบงบประมาณของประเทศ ยกเครื่องปฏิรูปครั้งใหญ่ให้เร็วที่สุดในอนาคต โดยเราจะใช้โอกาสนี้ในการนำเสนอ การปฏิรูประบบงบประมาณ และการจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้ตอบโจทย์ในแต่ละเรื่อง

นายชัยธวัช กล่าวว่า การดำเนินนโยบายสาธารณะ ต้องทำอย่างน้อย 3 เรื่องคือ 1.คน คือบุคคลและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการผลักดันนโยบาย 2.กฎ คือระเบียบ ซึ่งเป็นบทบาทของสภาผู้แทนราษฎรโดยตรง ทั้งการออกและแก้กฏหมาย แม้ว่างบประมาณจะนำเสนอจากฝ่ายบริหาร แต่ผู้อนุมัติคือรัฐสภา ในฐานะสถาบันการเมืองที่ประชาชนเลือกมา 3.งบ ซึ่งก็คืองบประมาณ

นายชัยธวัช กล่าวว่า เวลาพูดถึงงบประมาณของรัฐบาล หลายคนนึกถึงค่าใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของเครื่องจักรในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการพัฒนาประเทศ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคน คิดถึงการจัดสรรงบประมาณในอย่างน้อย 5 มิติ ได้แก่ 1.มิติความคุ้มค่า เพราะงบประมาณมาจากภาษีของประชาชน ดังนั้น การใช้งบต้องตอบโจทย์ความคุ้มค่า ซึ่งที่ผ่านมา เราเห็นว่ามีการจัดสรรที่ไม่คุ้มค่า เพราะมีการตั้งธง และประมาณการต้นทุนโครงต่ำกว่าความจริง ซึ่งเห็นได้ในการจัดทําโครงสร้างพื้นฐานหลายเรื่อง ที่ไม่คุ้มค่าจนถูกปล่อยร้าง ไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์ ตามที่คาดการณ์ไว้แต่ต้น

2.มิติที่ทำให้ประเทศพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ไม่ใช่การจัดสรรงบแบบเดิมๆ ตามความเคยชิน ปีที่แล้วเสนอยังไง ปีนี้ก็เสนออย่างนั้น โดยไม่มียุทธศาสตร์ เพราะฉะนั้น ระบบงบประมาณที่ดี ควรตอบโจทย์ความท้าทายในแต่ละด้าน ทั้งการเปลี่ยนผ่านด้านอุตสาหกรรม การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 หรือความผันผวนของภูมิอากาศ

3.มิติเสริมพลังให้กับสังคม เพราะในสภาพที่มีความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะในแง่โอกาสทางเศรษฐกิจ ต้องเสริมพลังให้กับภาคส่วน ที่ยังขาดโอกาสยกระดับตัวเอง ซึ่งต้องทำให้เป็นระบบต่อเนื่อง ไม่คิดแทนประชาชนทุกเรื่อง เพราะสิ่งที่เราเห็นในงบปี’67 และปี’68 ไม่มีความเป็นระบบแต่อย่างใด

4.มิติเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ด้วยการบริหารให้เรามีพื้นที่การคลังเพียงพอ ที่จะรองรับสถานการณ์ที่โลกปัจจุบันมีความไม่แน่นอนสูง เพราะเราไม่ทราบว่าจะเกิดวิกฤตอะไรในอนาคตแบบฉับพลัน ดังนั้น เราต้องมีสมดุลและความพร้อมในการเผชิญความไม่แน่นอนของโลก

5.มิติสร้างความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ระบบอุปถัมภ์ เพราะที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้ว่า ระบบงบประมาณส่วนหนึ่ง ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างระบบอุปถัมภ์ทางการเมือง ทั้งระหว่างรัฐมนตรีกับ ส.ส. หรือฝ่ายการเมืองกับข้าราชการประจำ เพื่อสร้างฐานการเมืองในพื้นที่ สร้างระบบที่เราเรียกว่าบ้านใหญ่

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า เวทีวันนี้ไม่ใช่การวิจารณ์รัฐบาล แต่ชวนคิดถึงอนาคต ยกเครื่องว่าเราจำเป็นต้องยกเครื่องระบบงบประมาณ ด้วยความเชื่อว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน และการทำหน้าที่ของ ส.ส. รวมถึงการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประชาธิปไตยของเรา ตอบโจทย์สังคมและประชาชนมากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image