‘ชัยธวัช’ โวยพรรครัฐบาลจ้องซื้อส.ส.งูเห่าอื้อ มั่นใจข้อต่อสู้ยุบพรรคมีน้ำหนัก-เชื่้อศาลรธน.รับฟัง
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวส.ส.พรรคก้าวไกล ย้ายสังกัดไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า คิดว่าเรื่องนี้พูดกันได้ แต่เรื่องยังไม่เกิด และที่ผ่านมาต้องเรียนตามตรงว่ามีความพยายามจากหลายพรรคการเมืองฝั่งรัฐบาลที่จะติดต่อกับสมาชิกของพรรคก.ก.เยอะมาก เพื่อหวังจะดึงส.ส.ก้าวไกล หรือที่เรียกว่า ซื้องูเห่า และจนถึงวันนี้ตนก็ยังมีความมั่นใจในส.ส.ของพรรคก้าวไกลว่าจะเคารพกับความไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้ อย่างไรก็ตามเป็นการพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิด ทั้งนี้วันที่ 7 สิงหาคม ยังมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะชนะคดี เมื่อถามว่า ต้องมีการกำชับสส.ว่าอย่าให้มีงูเห่าหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ต้องกำชับ เพราะสื่อสารในพรรคว่าต้องให้เกียรติเพื่อนร่วมงานทุกคน อย่าไปทำให้เกิดบรรยากาศจับจ้อง จับผิดว่าใครจะเป็นงูเห่า หรือจะย้ายพรรค เป็นบรรยากาศไม่ดีในการทำงาน ไม่เคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน จึงไม่มีการไปกำชับ ทั้งนี้ ส.ส.ในพรรคไม่มีการอ่อนไหว เพราะกำลังใจดีและยังเดินหน้าทำงานตามแผนงานเป้าหมายที่วางไว้
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่คนของพรรคก.ก.ไปคุยกับพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เพื่อเทคโอเวอร์นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีความชัดเจนว่าใครเป็นคนไปคุย แต่คิดว่าตอนนี้คนพยายามไปโฟกัสว่าหากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 สิงหาคม ไม่เป็นผลดีต่อพรรคก.ก. ตามกฎหมายส.ส.ต้องไปหาพรรคสังกัดใหม่ บางคนก็คิดข้ามไปล่วงหน้า ทั้งแกนนำพรรครุ่นใหม่ พรรคใหม่จะเป็นอย่างไร ขอย้ำว่าสิ่งที่อยากให้โฟกัสคือเนื้อหาในคำวินิจฉัยในวันดังกล่าวจะเป็นอย่างไร และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร คิดว่าอยากให้ติดตามว่าเหตุและผล หลักกฎหมายคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ และจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเฉพาะพรรคก.ก.เท่านั้น แต่จะส่งผลต่อการเมืองไทยโดยรวมในอนาคตด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกลถูกยุบหายไป 1 พรรค จะส่งผลกระทบต่อภาพทางการเมืองหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า หมายความว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องอนาคตของพรรคก.ก.อย่างเดียว แต่จะเกี่ยวพันกับการใช้หรือตีความกฎหมาย รวมถึงการให้ความหมายกับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วย คิดว่านัยยะความสำคัญของคำวินิจฉัยเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่อยากให้มองไปเฉพาะแค่เรื่องพรรคก.ก. หรือมองข้ามช็อตไปแล้วว่าในอนาคตพรรคใหม่จะเป็นอย่างไร และเชื่อว่าในข้อต่อสู้ทางข้อเท็จจริงและทางกฎหมายของพรรคก.ก.มีน้ำหนักพอที่ศาลฯจะรับฟัง